แมคโดนัลด์ยังระบุอีกว่า การปิดกิจการของตนในรัสเซียเป็นไปเพื่อ “ความสอดคล้องกับค่านิยมของแมคโดนัลด์” โดยแมคโดนัลด์รัสเซียจะ "ยกเลิก" ร้านค้า โดยลบชื่อ โลโก้ แบรนด์ และเมนูของแมคโดนัลด์ออกทั้งหมด ก่อนที่จะทำการขายกิจการให้แก่ผู้ซื้อในรัสเซีย นับเป็นครั้งแรกที่แมคโดนัลด์ดำเนินมาตรการดังกล่าวในตลาดหลักของตน อย่างไรก็ดี แมคโดนัลด์จะยังคงเครื่องหมายการค้าของตนในรัสเซียต่อไป
แมคโดนัลด์ย้ำว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนในรัสเซียกว่า 62,000 คน ที่จะต้องได้รับค่าจ้างต่อเนื่องจนกว่าการซื้อขายกิจการจะบรรลุข้อตกลง และพนักงานทั้งหมดจะสามารถได้งานของตนเองทำกับเจ้าของกิจการรายใหม่
คริส เคมป์ซินสกี ผู้บริหารสูงสุดของแมคโดนัลด์กล่าวว่า “การอุทิศตนและความภักดีต่อแมคโดนัลด์” ของพนักงานและซัพพลายเออร์ในรัสเซียทำให้การประกาศขายกิจการเป็นเรื่องที่ “ยากมาก” เคมป์ซินสกี กล่าวเสริมอีกว่า “อย่างไรก็ตาม เรามีความมุ่งมั่นต่อประชาคมโลกของเรา และต้องคงไว้ซึ่งค่านิยมของเราที่แน่วแน่ และความมุ่งมั่นต่อค่านิยมของเราหมายความว่า เราจะไม่สามารถทำให้ซุ้มไฟส่องแสงอยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป” ทั้งนี้ สัญลักษณ์ ‘M’ ที่คุ้นตาของแมคโดนัลด์จะถูกถอดออกจากรัสเซียทั้งหมดเมื่อกิจการถูกซื้อโดยนักลงทุนในรัสเซียแล้ว
ในจดหมายถึงพนักงานจากทางบริษัท เคมป์ซินสกีระบุว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ (แมคโดนัลด์) จะเพิกเฉยต่อวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เกิดจากสงครามในยูเครน และเป็นไปไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงซุ้มประตูสีทองซึ่งเป็นตัวแทนของความหวังและคำสัญญาแบบเดียวกันที่ทำให้เราเข้าสู่ตลาดรัสเซียเมื่อ 32 ปีที่แล้ว”
การประกาศขายกิจการเป็นไปตามแผนการขายกิจการที่แมคโดนัลด์ประกาศตั้งแต่ราวเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากบริษัทปิดสาขาในรัสเซียกว่า 850 แห่งเป็นการชั่วคราว รวมถึงสาขาที่ตั้งในจัตุรัสพุชกิน ณ กรุงมอสโก ซึ่งเป็นสาขาแรกในประเทศที่เปิดขึ้นเมื่อ 31 ม.ค. 1990 ขณะที่รัสเซียยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตที่ยังไม่ล่มสลาย ในวันนั้น มีผู้คนกว่าหลายพันมาต่อแถวรอซื้อบิ๊กแมค สัญลักษณ์ของทุนนิยมสหรัฐฯ ที่เข้ามาเหยียบบนนแผ่นดินคอมมิวนิสต์โซเวียต
แมคโดนัลด์ซึ่งมีที่ทำการใหญ่อยู่ในชิคาโกของสหรัฐฯ เป็นเจ้าของกิจการแมคโดนัลด์ในรัสเซียกว่า 84% โดยสาขาทั้งในรัสเซียและยูเครนของแมคโดนัลด์สร้างรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 9% ของรายรับในแต่ละปี หรือประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท) ทั้งนี้ สาขาในยูเครนยังคงถูกปิดทำการ และพนักงานทุกคนยังคงได้รับค่าจ้างเต็มจำนวนมาโดยตลอด
“วิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เกิดจากสงครามยูเครน และสภาพแวดล้อมการทำงานที่คาดเดาไม่ได้ ทำให้แมคโดนัลด์ตัดสินใจว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจในรัสเซียต่อไปนั้นไม่สามารถทำได้” แมคโดนัลด์กล่าว การขายธุรกิจในรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากแบรนด์สินค้าจากชาติตะวันตกจำนวนมากปิดกิจการชั่วคราวหรือถาวรเนื่องจากการบุกรุกยูเครนของรัสเซีย
ที่มา: