พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการ หรือ กมธ.สามัญ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการประชุม กมธ.ว่า ได้ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบ กรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ใช้วุฒิการศึกษาปลอมและที่เคยต้องโทษจำคุกในคดียาเสพติดข้ามชาติแล้ว 2 คณะ กำหนดกรอบการเรียกเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในและนอกประเทศ 15 วัน ก่อนเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน
พร้อมยืนยันว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ซับซ้อน ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสรู้ตัวเองดีว่ากระทำผิดจริงหรือไม่ จึงควรมีจิตสำนึกด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ทุกอย่างก็จะจบ โดยส่วนตัวเชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัส ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เพราะต้องโทษจำคุกมาแล้ว และยังเห็นว่านายกรัฐมนตรีก็ต้องรับผิดชอบในกรณีนี้ด้วย เพราะต้องตรวจคุณสมบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้า
เตรียมสอบไก่อู
นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ยังได้พิจารณาเรื่องร้องเรียน กรณีตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ใช้ตำแหน่งในทางมิชอบเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้กับพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงการก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม โดยใช้งบประมาณอย่างเร่งรีบ ราคากลางไม่เหมาะสมและไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนการเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบกำหนดกรอบ 15 และไม่ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณา
เนื่องจากนโยบายของประธานรัฐสภา ให้ กมธ.สามัญแต่ละชุดมีอนุกรรมกรรมการได้ 2 ชุดเท่านั้น ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เห็นว่าไม่เพียงพอและอยากให้มีอนุกรรมการถึง 14 ชุดและจะทำเรื่อง เสนอประธานรัฐสภาต่อไป
ทั้งนี้ กมธ.ไม่มีอำนาจที่จะสั่งปลดหรือพักราชการ พล.ท.สรรเสริญ ระหว่างที่มีการสอบสวน เพราะเป็นหน้าที่ของต้นสังกัดคือสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ กมธ. มีอำนาจสืบสวนหาข้อเท็จจริงและหากพบมีความผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้นในหลายเขตว่า จะส่งผู้สมัครลงรักษาฐานเสียง แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า หากผู้มีอำนาจไม่ยึดมั่นตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกตั้งซ่อม เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณ และ ส.ส เท่าที่มีอยู่ก็สามารถประชุมสภาได้ แต่เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้เหตุผลว่าต้องเลือกตั้งใหม่เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ย้อนแย้งกับกรณีที่นายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน แต่กลับไม่อ้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งสะท้อนถึงจิตสำนึกและคุณธรรมของผู้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้
สำหรับกระแสข่าวเรื่องฝ่ายรัฐบาลดึงตัวหรือซื้อ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านนั้น เชื่อว่ามีอยู่จริงและเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏการซื้อตัวหรือทาบทาม ส.ส.พรรคเสรีรวมไทยในระยะหลัง ต่างจากหลังเลือกตั้งใหม่ๆ ที่มีการจะทุ่มเงินกว่า 300 ล้าน และจะให้ตัวเองเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี แต่รอบนี้คงไม่กล้าที่จะซื้อตัว ส.ส.จากพรรคเสรีรวมไทยแล้ว ที่สำคัญ ส.ส.ในพรรคอยู่ในระเบียบวินัย
อ่านเพิ่มเติม