ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และรักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ ฟู้ด ชี้ว่า บทเรียนสำคัญที่บริษัทใช้ปรับตัวในช่วงโควิด-19 คือการเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนซึ่งได้รับผลกระทบก่อนประเทศอื่นในโลก และปรับกลยุทธ์เตรียมรับมือเมื่อโรคระบาดดังกล่าวเมื่อเดินทางมาถึงไทยซึ่งเป็นฐานรายได้สำคัญถึง 70% จากธุรกิจอาหารของบริษัท 

• ดิลลิป ราชากาเรีย

เมื่อรัฐบาลประกาศมาตรการล็อกดาวน์ออกมา ร้านอาหารในเครือไมเนอร์ อาทิ The Pizza Company, Sizzler และ Bonchon สามารถเปลี่ยนรูปแบบจากการให้บริการในร้านอาหารเป็นการส่งอาหารได้อย่างทันท่วงที

ยอดการสั่งอาหารผ่านบริการเดลิเวอรีในช่องทางต่างๆ ของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ในเดือน เม.ย.เมื่อเทียบกับยอดเดลิเวอรีในเดือน ม.ค.

อย่างไรก็ตาม ประพัฒน์ เสียงจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ร้านอาหารบางแบรนด์ของไมเนอร์ยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจะกลับมาเปิดบ้างแล้ว

• ประพัฒน์ เสียงจันทร์

The Coffee Club และ Burger King ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และร้านค้าตั้งอยู่ในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีต้นทุนค่าเช่าที่ค่อนข้างสูง ซึ่งประพัฒน์ชี้ว่าต้องมีการแก้เกมทั้งปรับลดราคาลงให้คนไทยเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับแบรนด์เบอร์เกอร์ หรือยังต้องปิดร้านอาหารบางแห่งที่ไม่สามารถทำเงินได้ไว้จนถึงสิ้นปีนี้ 

ขณะพนักงานในสาขาที่ต้องหยุดงาน สามารถผลัดเปลี่ยนมาอยู่ที่ร้านอื่นๆ ภายในเครือไมเนอร์ได้ทั้งหมด ทั้งการย้ายจากร้านอาหารที่ยังไม่เปิดบริการมายังร้านอาหารที่เริ่มให้บริการแล้ว หรือแม้แต่พนักงานจากโรงแรมในเครือไมเนอร์ ก็สามารถย้ายไปให้บริการอื่นๆ อาทิ การเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์

ชนชั้นกลางยังมีเงิน

แม้กำลังซื้อของประชาชนในชาติกำลังอ่อนลงจากการขาดรายได้ในช่วงที่ผ่านมารวมไปถึงการว่างงาน แต่ ดิลลิป ชี้ว่า บริษัทยังมีความมั่นใจกับกลุ่มลูกค้าของตนเอง ซึ่งวางไว้ในระดับกลาง (mid section) พร้อมเผยข้อมูลสนับสนุนว่า ในช่วงเดือน เม.ย.ที่มีการล็อกดาวน์ บริษัทเร่งใช้กลยุทธ์ในการทำโปรโมชันต่างๆ และได้ผลตอบรับอย่างดีจนต้องต่อโปรโมชันเหล่านั้นออกไปถึงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา 

ข้อมูลยังชี้ว่า ผู้บริโภคไม่ได้มีความอ่อนไหวต่อราคาสินค้ามากเท่าไหร่นัก และบริษัทไม่ได้มองว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคชาวไทยมีประเด็นที่ต้องกังวลมากนัก พร้อมมองว่าบริษัทน่าจะกลับมาทำรายได้เสมอตัวภายในปีนี้

เท่านั้นยังไม่พอ ร้านอาหารในเครืออย่าง Bonchon ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเพิ่งเปิดสาขาเพิ่มไปทั้งหมด 19 สาขา ในครึ่งแรกของปีนี้ 

ประพัฒน์ เสริมว่า กลยุทธ์หลักในการดึงลูกค้าเอาไว้ให้ได้มากที่สุด คือบริการที่ตอบโจทย์ทั้งการมาทานอาหารที่ร้าน ความสะดวก และคุณภาพอาหารเมื่อผู้บริโภคเลือกหันไปใช้บริการขนส่งอาหาร

นอกจากการคิดค้นเมนูที่คงทนต่อการขนส่ง ไมเนอร์ ฟู้ด ชี้ว่าบริษัทยังเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มสั่งอาหารผ่านแอปพลิชัน 1112 ที่จะรวบรวมร้านค้าในเครือเอาไว้เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค โดยจะเน้นไปที่การสร้างความแตกต่างผ่านคุณภาพและความปลอดภัย แต่ย้ำว่า เมื่อแพลตฟอร์มดังกล่าวเปิดใช้งานจริง บริษัทก็จะไม่ได้ถอยหนีจากเหล่าผู้ให้บริการแพลตฟอร์มขนส่งอาหารในปัจจุบัน

รองประธานฯ ไมเนอร์ ฟู้ด ยอมรับว่า แพลตฟอร์มเหล่านั้นมีเม็ดเงินสนับสนุนในการทำโปรโมชันมากกว่าไมเนอร์หลายเท่า และสามารถถึงลูกค้าใหม่ให้เข้ามาในระบบได้มากกว่าศักยภาพและเงินทุนของไมเนอร์ในปัจจุบัน แต่แอปพลิเคชันของไมเนอร์เอง จะพยายามตอบโจทย์ในสิ่งที่เคยปูมาจากบริการของ The Pizza Company คือส่งอาหารภายใน 30 นาที และเสริมช่องโหว่เรื่องความปลอดภัยในการให้บริการ รวมไปถึงความน่าเชื่อถือของพนักงานส่งอาหาร 

ปัจจุบันไมเนอร์ ฟู้ด ดำเนินธุรกิจร้านอาหารมากกว่า 2,000 ร้านค้า ใน 26 ประเทศทั่วโลก แต่มีสัดส่วนสำคัญจากประเทศไทย 70% และในต่างประเทศอีก 30% โดยมีออสเตรเลีย, จีน, ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กินสัดส่วนสำคัญ แต่เป็นการดำเนินธุรกิจแบบแฟรนไชส์เท่านั้น