เมื่อ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา เลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง อันเป็นทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแผนเตรียมจัดสร้างเรือยอร์ชพระที่นั่งลำใหม่ เพื่อทดแทนเรือพระที่นั่งบริตาเนีย (Royal Yacht Britania) ซึ่งถูกปลดระวางตามอายุการใช้งานไปตั้งแต่ปี 2540 โดยรัฐบาลอังกฤษจะใช้งบประมาณที่ถูกแบ่งออกจากกระทรวงกลาโหมในจำนวน 200 ล้านปอนด์ (ราว 8,842 ล้านบาท) มาเป็นทุนในการต่อเรือพระที่นั่งลำใหม่นี้
โฆษกของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษหวังให้มีการต่อเรือสำราญคู่พระองค์ลำดังกล่าวโดยบริษัทอู่ต่อเรือในสหราชอาณาจักร เพื่อเป็นการสร้างงาน รวมถึงการกระบวนการจัดสร้างจะปฏิบัติตามกฎการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบของรัฐ โดยนายกฯ จอห์นสันแสดงความเห็นว่า เรือพระที่นั่งลำใหม่นี้จะเสมือนเป็นตัวแทนเชิงสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ที่จะส่งเสริมผลประโยชน์ของสหราชอาณาจักรในต่างแดน ทุกแง่ทุกมุมของเรือ ตั้งแต่กระบวนการสร้าง จนถึงการตกแต่ง จะเป็นตัวแทนที่แสดงและส่งเสริมในเชิงสัญลักษณ์อันเด่นชัดถึงความเป็น "อังกฤษ" ได้อย่างดีที่สุด รวมถึงยังแสดงความมุ่งมั่นของสหราชอาณาจักรในฐานะหนึ่งในผู้มีบทบาทบนเวทีโลก หากสร้างเสร็จเรือลำกล่าวจะถูกประจำการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเรือ
"เรือพระที่นั่งลำใหม่นี้จะส่งเสริมการค้าของอังกฤษและขับเคลื่อนการลงทุนทางเศรษฐกิจของเรา เรือจะถูกใช้เป็นเจ้าภาพในการการเจรจาการค้าระดับสูง และจะแล่นไปทั่วโลกเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของสหราชอาณาจักร" นายกฯ จอห์นสัน กล่าวโดยว่า เรือพระที่นั่งลำใหม่นี้จะเป็นมากกว่าเรือยอร์ชหรูเพื่อความสำราญ แต่มีเป้าหมายส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรหลังเบร็กซิตในฐานะผู้นำการค้าระดับโลก
อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการตั้งคำถามจากบรรดานักการเมืองฝั่งพรรคแรงงาน ที่เกรงว่าการใช้งบประมาณดังกล่าวอาจมากเกินไป และไม่คุ้มค่า ขณะที่บางส่วนต้องการให้กลาโหมชี้แจงรายละเอียดของการจัดสร้างเรือลำดังกล่าว รวมถึงวัตถุประสงค์การใช้งานของเรือที่ต้องการส่งเสริมผลประโยชน์ด้านการค้าอย่างแท้จริง
พรรคแรงงานได้เรียกร้องให้รัฐบาล กำหนดวิธีการจัดสร้างโดยละเอียดรวมถึงสิ่งที่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่ากระบวนการต่อเรือลำนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างงานในสหราชอาณาจักร ทั้งยังเน้นให้เกิดความคุ้มค่าของงบประมาณมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ด้านเบน วอลเลซ รมว.กลาโหม ระบุว่าในการแถลงถึงเรื่องนี้ตอนหนึ่งเมื่อถูกถามว่าการสร้างเรือนี้จะเป็นภาระผูกพันยืดเยื้อด้านงบประมาณหรือไม่ วอลเลซ อธิบายว่า งบประมาณที่จะนำมาใช้สร้างเรือนั้น แบ่งจากกองทุนของกระทรวงกลาโหมในส่วนนึง รวมกับงบประมาณของกลาโหมในอีกส่วน ซึ่งการใช้งบประมาณ 200 ล้านปอนด์ในครั้งนี้ หากคิดสัดส่วนแล้วถือว่าน้อยกว่า 0.1% ของงบประมาณการป้องกันประเทศทั้งหมด "รัฐบาลคิดว่ามีราคาไม่แพง ... เราจะกำหนดรายละเอียดที่แน่นอนในเวลาอันควร แต่นี่เป็นเรือเน้นผลประโยชน์ด้านการค้า ไม่ใช่เรือรบทางทหาร" วอลเลซ กล่าว
สำหรับเรือพระที่นั่งบริตาเนีย (Royal Yacht Britannia) ลำก่อนหน้านี้ จัดสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าจอร์จที่หก พระราชบิดาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยในการออกแบบและตกแต่งเรือ ควีนอลิซาเบทที่สอง ทรงมีส่วนร่วมในการเลือกใช้วัสดุและสิ่งของต่างๆ ด้วยพระองค์เอง เรือคู่พระองค์ลำนี้เปิดเดินเรือรอบปฐมฤกษ์ วันที่ 16 เมษายน 2496 และถูกใช้งานในฐานะเรือราชพาหนะกระทั่งปลดระวางในปี 2540 หลังเรือมีอายุครบ 44 ปี ภารกิจสำคัญสุดท้ายของเรือคือการเข้าร่วมพิธีที่สหราชอาณาจักรส่งมอบฮ่องกงกลับสู่อ้อมอกของจีน โดยเรือถูกใช้เป็นพาหนะสำหรับรับตัวนายคริส แพตเตน ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ประจำฮ่องกงคนสุดท้ายกลับสู่สหราชอาณาจักร
นับตั้งแต่สมัยพระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ผู้ปกครองของสหราชอาณาจักรมีธรรมเนียมว่า จะต้องมีเรือราชพาหนะประจำพระองค์หนึ่งลำ เพื่อใช้ในภารกิจส่วนพระองค์ หรือภาระกิจของหลวง อาทิ ใช้ในการเสด็จเยือนประเทศในเครือจักรภพ และชาติอื่นๆ อันสะท้อนถึงอิทธิพลทางทะเลของสหราชอาณาจักรสู่สายตาชาวโลก
ทั้งนี้ หากการจัดสร้างเป็นไปตามกำหนด คาดการณ์ว่าเรือพระที่นั่งลำใหม่จะเริ่มกระบวนการต่อเรือในปี 2565 คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 4 ปีถัดมา ส่วนชื่อของเรือนั้นคาดว่าอาจมีการใช้พระนามของเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบอระเป็นชื่อของเรือพระที่นั่งลำใหม่ดังกล่าว