เวลา 07.45 น. วันที่ 21 เม.ย. 2564 ที่ศาลหลักเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้แทนประชาชน ทำหน้าที่ประธานพิธีบำเพ็ญกุศลทางพุทธศาสนาและจัดพิธีบวงสรวงสังเวยตามพิธีพราหมณ์อย่างเรียบง่าย ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ครบรอบ 239 ปี โดยกราบนิมนต์สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร ประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อความเป็นศิริมงคลของประเทศชาติและประชาชนชาวไทยทุกคน

ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อปฎิบัติงาน จากนั้นในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม (เอราวัณ 2) สนามบางกอก อารีนา เขตหนองจอก ที่เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 4 ของ กทม. สามารถรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ 400 เตียง แบ่งเป็น ชาย 150 เตียง หญิง 250 เตียง และเปิดให้ใช้ ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนลงพื้นที่ไปทำข่าวด้วย เนื่องจากเป็นช่วงของการขอเว้นระยะห่าง เพื่อเฝ้าระวังการติดต่อโควิด-19 โดยทางสำนักโฆษกฯ จะเผยแพร่ภาพให้สื่อมวลชนในภายหลัง 

นายกฯ ถกคณะจัดหาวัคซีน เตรียมจัดหาวัคซีนเพิ่ม 35 ล้านโดส

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า คณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งประกอบด้วย คณะแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน นำโดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ได้รายงานว่า จากการหารือทุกฝ่าย ได้ข้อยุติว่า ประเทศไทยจะจัดหาวัคซีนอีก 2-3 ยี่ห้อเพิ่มเติมอีกประมาณ 35 ล้านโดส นอกเหนือจากที่ดำเนินการไว้แล้วประมาณ 65 ล้านโดส ในจำนวน 35 ล้านโดส ภาคเอกชนนำโดยสภาหอการค้าไทย ก็จะช่วยรัฐบาลจัดหาให้กับพนักงานลูกจ้างเองด้วย ประมาณ 10-15 ล้านโดส ซึ่งก็จะช่วยลดงบประมาณของรัฐบาลลงไปอีก

นายกรัฐมนตรีระบุว่า สำหรับกระบวนการต่อไปให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการโดยเร่งด่วนและเป็นไปตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้วางแผนการกระจายและฉีดวัคซีนที่จัดหามาทั้งหมด ให้เสร็จสิ้นภายใน ธ.ค. 2564 นี้