ไม่พบผลการค้นหา
ผลการประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อชาติ มีมติเลือก 'บุศริณธญ์' เป็นหัวหน้าพรรค ด้วยคะแนน 296 คะแนน ขณะ 'เทวกฤต' เป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 ด้าน 'สงคราม' กล่าวขอบคุณที่เสียสละรับใช้พรรคเพื่อชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อชาติประจำปี 2564 ภายหลังจากที่ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ลาออก ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคทั้งหมดต้องยุติการทำงานไปด้วย ในวันนี้จึงต้องมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งหมด โดยได้เลือกให้ บุศริณธญ์ วรพัฒนานันน์ เป็นหัวหน้าพรรค ด้วยคะแนน 296 คะแนน เลือกเทวกฤต พรหมมา เป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 ด้วยคะแนน 262 คะแนน เลือกภูมิพัฒน์ พชรทรพย์ เป็นเลขาธิการพรรค ด้วยคะแนน 253 คะแนน และนางสาวเกศปรียาแก้วแสนเมืองเป็นรองเลขาธิการพรรค ด้วยคะแนน 287 คะแนน 

ภายหลังจากที่ได้ประกาศผลคะแนนเสร็จสิ้น ด้านสงคราม กล่าวฝากพรรคเพื่อชาติประจำทุกคน ซึ่งได้คนใหม่ๆมาหลายคนเป็นคนที่มีคุณภาพ และตนเชื่อว่าคณะกรรมการชุดนี้จะสามารถนำพรรคให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ขอบคุณทุกคนที่เสียสละรับใช้พรรคเพื่อชาติ

66b3888a-a951-49c6-b517-c71aa73a0b5d_Moment.jpg

ด้าน บุษริณธน์ กล่าวว่าขอบคุณสมาชิกพรรคเพื่อชาติ ให้เกียรติตนมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กรรมการบริหารพรรคทุกคนที่ได้รับเลือกจากสมาชิกขอสัญญาว่าจะทำงานให้กับประเทศชาติให้สุดความสามารถไม่คิดว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารภาคเรียนวันนี้จะนำไปสู่ การเลือกสรรคนที่จะมาเป็นตัวแทนของประชาชน เช่นเดียวกับในอดีตพรรคเลือกคนคนเลือกพรรค ไม่ให้ประชาชนเสียความรู้สึกหรือความตั้งใจเสียคะแนนในการสนับสนุนพรรค ขอให้ศรัทธาต่างๆเพื่อชาติและขอตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ตนขอสัญญากับสงคราม

S__76300325.jpg
'สงคราม' เปิดทางคนรุ่นใหม่

สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวยอมรับสาเหตุการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ว่า มาจากกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการโหวตงดออกเสียงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่ง เห็นว่าถึงเวลาเหมาะสมที่จะต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคหลังจากดำรงตำแหน่งมา 2 ปี ซึ่งก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ตนเคยประกาศไว้ว่าจะต้องได้ที่นั่ง ส.ส.มากกว่า 10 คนแต่ได้เพียง 5 คน จึงต้องแสดงความรับผิดชอบ และยืนยันว่าจะไม่กลับเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีก

โดยจะเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่ พร้อมเชื่อมั่นว่าในพรรคมีบุคคลที่มีคุณสมบัติ จะดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคได้ โดยคุณสมบัติหัวหน้าพรรคคนใหม่ จะต้องมีภาวะการเป็นผู้นำที่จะต้องขับเคลื่อน และสามารถนำพรรคให้เติบโต มีคะแนนเสียงเพิ่มขึ้น และในอนาคตเชื่อว่าพรรคก็จะมีบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ด้วยเช่นกัน 

นอกจากนี้ สงครามยังกล่าวถึงการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตราของพรรคพลังประชารัฐว่า สาระที่มีการแก้ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่เป็นการแก้เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองบางพรรค โดยส่วนตัวเห็นว่าหากจะมีการแก้ จะต้องเป็นการยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 

ซึ่งในร่างของพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ตนมองว่าก็มีส่วนที่จะกระทบกับพรรคเล็ก แต่ก็มีผลดี ซึ่งเห็นด้วยที่ใช้บัตร 2 ใบ แต่ต้องดูรายละเอียด เท่าที่เห็นส.ส.เขตเปลี่ยนมาเป็น 400 ทำให้พื้นที่เล็กลง ดังนั้นเป็นห่วงว่าการซื้อเสียงจะง่ายขึ้น ซึ่งประชาชนในพื้นที่ก็รู้ดี นี่คือสิ่งที่น่าห่วง เพราะจะทำให้ประชาธิปไตยบิดเบี้ยว

ส่วนพรรคการเมืองฝ่านค้านยังไม่มีมติที่ชัดเจนสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ได้หารือกันคร่าวๆ ที่เห็นตรงกันว่าสามารถแก้ไขได้ทั้งฉบับ

ขณะที่การเคลื่อนไหวการชุมนุมของ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่นัดชุมนุมในวันที่4 เมษายนนี้ สงคราม ระบุว่า พรรคเพื่อชาติไม่ได้ไปร่วมสนับสนุนชุมนุมในนามพรรค แต่หากสมาชิกคนใดจะไปชุมนุมก็ถือเป็นสิทธิ