พันตำรวจเอกบุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ มีมติให้จัดพิมพ์สลากแบบใหม่ในงวดวันที่ 1 มีนาคม 2562 สำหรับสลากในส่วนของผู้ค้าที่จองซื้อผ่านระบบออนไลน์จำนวน 164,000 คน หรือ 57 ล้านใบ จากทั้งหมด 90 ล้านใบ ให้เป็นสลากชุดแบบคละเลข

โดยผู้ค้าจะได้รับการจัดสรรสลากจำนวน 5 เล่มตามเดิม แต่เปลี่ยนการพิมพ์เลขสลากใหม่เป็นสูตร 2-2-1 คือ การจัดชุด 2 ใบ เป็นจำนวน 2 เล่ม และจัดชุด 2 ใบ อีก 2 เล่ม และมี 1 เล่ม ที่เป็นใบเดี่ยว

สำหรับชุด 2 ใบแรก มีเลข 6 หลักเหมือนกัน จำนวน 100 ชุด ส่วนชุดละ 2 ใบเล่มที่ 2 จะมีเลขหมายเลข 6 หลักเหมือนกัน ซึ่งไม่ซ้ำกับชุดแรก อีกจำนวน 100 ชุด มีชุดละ 2 ใบ ส่วนอีก 1 เล่ม จะมีจำนวน 100 ใบ ทำให้รายย่อยแต่ละรายได้รับสลากจำนวน 5 เล่มเช่นเดิม แต่สามารถจำหน่ายสลากชุดได้ 200 ชุด ชุดละ 2 ใบ ซึ่งสามารถแยกขายเป็นใบเดี่ยวได้ 

สำหรับผู้ค้า หากจะรวมชุดมากไปกว่านี้เป็นเรื่องทำได้ยากขึ้นในอัตราส่วน 1 ต่อแสน เพราะมีต้นทุนสูง และสลากจะกระจายไปทั่วประเทศ ดังนั้นตามระบบนี้คนที่ซื้อรวมชุดจะถูกรางวัลที่ 1 สูงสุด 12 ล้านบาท

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกประจำสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า จะใช้เวลาในการประเมินผล 3 เดือน เพราะอาจจะมีผลทำให้สลากชุดราคาแพงขึ้นได้ จากนั้นจะพิจารณาว่าจะมีรูปแบบการรวมชุดหรือไม่ หากไม่เป็นที่ต้องการของผู้ค้าและผู้ซื้อ

ทั้งนี้ยืนยันการรวมชุดดังกล่าว ไม่ได้เป็นการมอมเมาประชาชน แต่ต้องการจะกระจายรางวัลให้กับผู้ซื้อให้มากขึ้น และแก้ไขปัญหาสลากแพง ขณะที่แนวทางนี้เชื่อว่าจะทำให้สามารถคัดกรองผู้ค้าตัวจริงที่ต้องการจำหน่ายสลากจริงแม้ว่ายอดจองซื้อสลากจะลดลง แต่จะสามารถสกัดผู้ค้าตัวปลอมออกไปได้ โดยปัจจุบันผู้ค้าที่ได้รับโควต้ามีสัดส่วน 35% ของจำนวนสลากทั้งหมด 90 ล้านใบ หรือประมาณ 33 ล้านใบ และผู้ค้าที่เป็นรายย่อยจำนวน 65% หรือ 57 ล้านใบ