โพสต์ทูเดย์รายงานโดยระบุสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ระหว่างการซื้อขายเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา สกุลเงินดิจิตอล "บิทคอยน์ ได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.21 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ/บิทคอยน์ ลดลงถึง 38% จากเมื่อต้นเดือนธ.ค.อยู่ในระดับสูงสุดที่ 1.95 หมื่นดอลลาร์/บิทคอยน์ จากแรงเทขายทำกำไร ขณะเดียวกันนักลงทุนได้เทขายเงินดิจิทัลสกุลอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดย อีเธอเรียม ลดลง 26% , บิทคอยน์ แคช ลดลง 38%
นายรอสส์ นอร์แมน ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ชาร์ปส์ พิกซ์ลีย์ เปิดเผยว่า การซื้อขายบิทคอยน์ในรูปแบบสัญญาล่วงหน้าอาจทำให้ราคาบิทคอยน์ร่วงลงหนักยิ่งขึ้น เนื่องจากนักลงทุนสถาบันอาจรอจังหวะเข้ามาซื้อบิทคอยน์ แล้วเทขายทำกำไรในภายหลัง
ด้านสำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้ส่งสัญญาณเตือนว่าราคาบิทคอยน์ที่พุ่งสูงขึ้น เป็นเรื่องที่ผิดปกติ แม้ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นได้ประกาศยอมรับให้บิทคอยน์สามารถใช้ชำระเงินได้ตามกฎหมาย และรัฐบาลออกใบอนุญาตให้แพลตฟอร์มซื้อขายเงินดิจิทัล 11 แห่ง สามารถทำธุรกิจดังกล่าวได้ก็ตาม
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางหลายประเทศ ได้ออกมาแสดงความกังวลในการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล พร้อมเตือนประชาชนให้ระมัดระวังความเสี่ยงจากการลงทุน
สำหรับประเทศไทย สกุลเงินดิจิตอลยังไม่เป็นที่รับรองของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีหลายฝ่ายออกมาเตือนผู้สนใจลงทุนต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันราคาที่พุ่งสูงขึ้นในขณะนี้ ทำให้เป็นห่วงว่า อาจจะเกิดภาวะฟองสบู่ได้เช่นกัน