นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ จำกัด หรือ JVC บริษัทย่อยภายใต้กลุ่มเจ มาร์ท เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวการระดมทุนด้วยเห็นเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซี่ ครั้งแรกในประเทศไทย ในชื่อ "JFin Coin" โดยในรอบแรกจะระดมทุนทั้งสิ้น 100 ล้านโทเคน จากทั้งหมดที่มีอยู่ 300 ล้านโทเคน ซึ่งจะเป็นการใช้แพลตฟอร์ม การเสนอขายเหรียญหรือคอยน์ต่อนักลงทุนเป็นครั้งแรก หรือ ICO (Initial Coin Offering) ในราคาเหรียญละ 0.20 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.6 บาท และคาดว่า จะระดมทุนได้ประมาณ 660 ล้านบาท โดยจะเปิดขายรอบ พรี-เซล 14-28 กุมภาพันธ์ 2561 และเสนอขายครั้งแรกวันที่ 1-31 มีนาคม 2561
"เปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าออก IPO (Initial Public Offering) ผู้ลงทุนจ่ายเงินแล้วได้หุ้นไป ส่วนการออก ICO ผู้ลงทุนจ่ายเงินแล้วได้เหรียญกลับไป" นายธนวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ การระดมทุนนี้ พัฒนาขึ้นมาบนซอฟท์แวร์ด้วยการปล่อยสินเชื่อด้วยเทคโนโลยีบล็อคเชน เพื่อระดมทุนใช้พัฒนาการปล่อยสินเชื่อบนแพลตฟอร์มดิจิทัลให้กับบริษัท เจ ฟินเทค ธุรกิจย่อยอีกหนึ่งขาของกลุ่มเจมาร์ท โดยภายใต้ระบบสินเชื่อดังกล่าวได้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ ซึ่งมั่นใจได้ว่า มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ ตรวจสอบย้อนกลับได้ และไม่ต้องมีคนกลางในการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า จะเป็นประวัติศาสตร์วงการสินเชื่อในประเทศไทยที่มีการะดมทุนผ่าน ICO บนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่สามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจจริง
อย่างไรก็ดี เนื่องจากการระดมทุนผ่าน ICO เป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย บริษัทจึงต้องศึกษาหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหารือกับหน่วยงานทางการทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้เกิดการทำงานที่เข้าใจซึ่งกันและกัน รวมทั้งต้องรอหลักเกณฑ์เรื่องการระดมทุนผ่านเงินดิจิทัล ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการร่างเกณฑ์ด้วย
"เนื่องจากเจฟิน คอยน์ (JFin Coin) ที่เราจะออกมาระดมทุนเบื้องต้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เราถือว่าเป็นสาธาณูปโภคพื้นฐาน ไม่ใช่หุ้น ดังนั้น แม้เกณฑ์การระดมทุนผ่าน ICO ของ ก.ล.ต. ยังไม่มีผลบังคับใช้ เราก็ยังสามารถทำได้ เพราะไม่ได้ระดมเงินเพื่อเป็นหุ้น แต่เป็นการระดมทุนเพื่อทำแพลตฟอร์ม" นายธนวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ การพัฒนาเจฟิน คอยน์ของบริษัท ใช้เงินลงทุนประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 660 ล้านบาท
ด้านนางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวว่า กรณีมีข่าวบริษัทย่อยของ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART จะออก ICO นั้น ขอแจ้งว่า ขณะนี้ ก.ล.ต. ยังไม่มีรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวที่เพียงพอ จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ICO ดังกล่าวจะมีลักษณะที่เข้าข่ายเป็น ICO ที่เป็นหลักทรัพย์หรือไม่ ทั้งนี้ หากเป็นการระดมทุนที่เข้าข่ายเป็นหุ้นหรือหุ้นกู้ ผู้ออกมีหน้าที่ต้องดำเนินการขออนุญาตจาก ก.ล.ต. ตามปกติ
ด้านผู้ลงทุน เนื่องจากข้อมูลที่ปรากฏ ยังไม่ชัดเจนว่า ผู้ลงทุนใน ICO ดังกล่าวจะได้ประโยชน์อะไร ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ลงทุนใช้วิจารณญาณศึกษารายละเอียด เพื่อให้เข้าใจชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน
นอกจากนี้ ก.ล.ต. เห็นว่า การที่บริษัทจดทะเบียนมีการเผยแพร่ข่าว ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนอย่างเพียงพอ เป็นสิ่งที่บริษัทจดทะเบียนควรต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอาจมีผลต่อราคาหรือการซื้อขายหุ้นของบริษัทด้วย