นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชาติ วัย 74 ปี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "วอยซ์ ออนไลน์" เล่าประสบการณ์ทางการเมืองของตนที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2522 ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดยะลา พรรคกิจสังคม และก่อตั้งกลุ่มวาดะห์ ร่วมกับนายวีระ มุสิกพงศ์ ก่อนจะย้ายไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ความหวังใหม่ และไทยรักไทย เคยดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็นประธานรัฐสภา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ รวมเวลาเกือบ 40 ปี

สาเหตุที่ตนและกลุ่มวาดะห์ ออกจากพรรคเพื่อไทย และพรรคอื่นๆ มาเพื่อตั้งพรรคประชาชาติ เนื่องจากผลสำรวจของกลุ่มการเมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องการให้ตั้งพรรคใหม่ ส่วนที่มาของชื่อ 'ประชาชาติ' มาจากการโหวตของประชาชนเช่นกัน ซึ่งตรงกับภาษาอาหรับ 'อูมะห์' แปลว่าประชาชนผู้มีความศรัทธาต่อความดี โดยจุดมุ่งหมายของพรรคคือการยอมรับความแตกต่างทางภูมิภาค ความคิดเห็น ศาสนา และรับฟังเสียงของประชาชนกลุ่มเล็กๆ หรือคนชายขอบที่ถูกละเลยไม่ได้รับการดูแล เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แม้พรรคนี้จะเริ่มต้นจากพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่อนาคตต้องการที่จะให้ประชาชนทุกภูมิภาคมีส่วนร่วมกับพรรค ด้วยการเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ

นโยบายสำคัญของพรรคประชาชาติ คือ การแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย 1.ให้การศึกษาที่มีคุณภาพ ทั้งภาคสามัญ และศาสนา 2.มีคนชาวมุสลิมทำงานในสถานที่ราชการ ดูแลและให้บริการประชาชนในพื้นที่ 3.พัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ อาทิ ส่งเสริมการทำงานในประเทศมาเลเซีย, แก้ไขราคายางพาราตกต่ำเพื่อให้ชาวบ้านไม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปทำงานที่อื่น, ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการประมง และการค้าวัตถุดิบอาหารทะเล ฯลฯ ซึ่งตนมองว่าการแก้ปัญหาที่สั่งสมมานานควรเริ่มจากการให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาได้ร่วมเสนอทางแก้ไข ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ยืนยันว่าในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตของทำงานแก้ปัญหานี้ให้ได้ หากได้รับความเชื่อมั่นให้เป็นพรรครัฐบาลจะผลักดันนโยบายเหล่านี้อย่างเต็มที่ หากแก้ไม่ได้ ก็จะยุบพรรคประชาชาติ

"ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ท้าทายสำหรับพรรคประชาชาติมาก ถ้าพรรคประชาชาติได้รับการเลือกตั้งสมาชิกจำนวนพอสมควรที่จะไปผลักดันนโยบาย แล้วก็มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลหน้า ถ้าเราแก้ปัญหาไม่ได้ นั่นหมายถึงว่าอนาคตของพรรคประชาชาติก็ต้องไปด้วย...ปัญหาของบ้านเรา ถ้าเราแก้ไม่ได้จะให้คนอื่นเข้ามาแก้ได้อย่างไร"

นอกจากนี้ นายวันมูหะมัดน���ร์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 มีความเป็นประชาธิปไตยน้อยมาก หากพรรคของตนมีอำนาจเสียงมากเพียงพอ จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตามเสียงของประชาชนอย่างแน่นอน