พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า ธนาคารโลก ได้จัดทำรายงานแนวโน้มการเติบโตแบบมีส่วนร่วมของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ในระยะยาว โดยระบุว่า ประเทศไทยมีพัฒนาการก้าวหน้าไปมาก กล่าวคือมีประชากรที่เริ่มหลุดพ้นจากความยากจนนะครับ และมีสัดส่วนของประชากรที่ก้าวสู่รายได้ระดับปานกลาง ในสัดส่วนที่สูงขึ้น ที่ไม่มีผู้อยู่ในความยากจนขั้นรุนแรงตามเกณฑ์ของธนาคารโลกแล้ว อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เขาวิเคราะห์มา เราก็ต้องดูในข้อเท็จจริงว่าเราจะทำให้ดีขึ้นได้อีกอย่างไร ไม่ใช่ว่าเพียงพออยู่นี้ไม่ได้
ธนาคารโลกได้เสนอว่า การที่จะลดระดับความยากจนและ ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อจะเข้าสู่การเป็นประเทศรายได้ปานกลางให้ได้อย่างยั่งยืนนั้น ควรต้องทำตามมาตรการ 3 ด้านพร้อมๆ กันอย่างต่อเนื่องอันได้แก่
(1) การให้โอกาสทางเศรษฐกิจกับประชาชนผ่านการสร้างงานที่ให้รายได้สูงขึ้น และ การเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
(2) การสร้างความมั่นคงทางรายได้ ให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ผ่านการมีระบบการดูแลด้านสังคม สาธารณสุข ประกัน สังคม และการส่งเสริมการออม
(3) การกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง ผ่านการใช้เครื่องมือ เช่น ภาษี หรือเครื่องมือทางการเงิน เป็นต้น
ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวนั้นก็นับว่าสอด คล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลนี้ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้บรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 อีกด้วย
จากการรายงานของธนาคารโลกดังกล่าวก็ถือว่าเป็นข้อมูลจากสายตาคนภายนอก ที่เขามองเราในมุมมองว่าดีขึ้นผมอยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าสิ่งที่เรากำลังเดินหน้า แม้จะเป็นก้าวย่างที่ช้า แต่มั่นคง และ อยู่ในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งต้องอาศัยความเพียร และความอดทน รัฐบาลไม่ได้จะพอใจเพียงเท่านี้นะครับ เนื่องจากยังมีปัญหาที่รอการแก้ไขอีกมาก โครงสร้างเศรษฐกิจโลกเปลี่ยน แปลงไปมาก ในขณะที่หลายสิบปีที่ผ่านมา เราก็ไม่ค่อยจะมีการลงทุนเพื่ออนาคต อันที่จะช่วยเสริมสร้างความ สามารถในการผลิตของประเทศ มากนักนะครับ โดยเฉพาะในภาคเกษตร ก็ส่งผลให้ทุกวันนี้การกระจายรายได้ และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจยังไปได้ไม่ทั่วถึงนัก ขณะนี้เราได้จัดทำโมเดลในการ "ลดความยากจน" ภายใน 2 ปี ระยะแรกนะครับ โดยใช้โมเดลของ"กาฬสินธุ์ แฮปปี้เนส 2019" เป็นแนวทางที่จะทำต่อไปทั้งประเทศนะครับก็จะเริ่มไปพร้อมๆ กันนะครับ รายละเอียดตามหน้าจอ สรุปได้ดังนี้ มี 4 องค์ประกอบหลักคือ
1.การค้นหาครัวเรือนยากจนโดยใช้เกณฑ์รายได้ การลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ และการคัดเลือกโดยประชาคม ระดับหมู่บ้าน
2. กลไกการขับเคลื่อน ตั้งแต่ระดับจังหวัด ลงมาถึงระดับหมู่บ้านเช่น ชุดปฏิบัติการตำบล กรรมการหมู่บ้าน ปราชญ์ชุมชน และกลุ่มองค์กรในหมู่บ้านเป็นต้น
3.กิจกรรมการขับเคลื่อน อาทิ การวิเคราะห์ข้อมูลครัวเรือน เพื่อจำแนกสถานะ การส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการพัฒนาที่เหมาะสม เช่นการทำบัญชีครัวเรือน การทำแผนชีวิตการฝึกวิชาชีพ การอบรม ณ ศูนย์การเรียนรู้ เป็นต้น
4. การติดตามและประเมินผลจากคณะทำงานระดับต่างๆ เพื่อจะพิจารณาส่งเสริมต่อเนื่อง หรือต่อยอด แล้วแต่กรณี ซึ่งก็จะมีการให้รางวัลเชิดชูเกียรติสำหรับครัวเรือน กลุ่มอาชีพ ชุมชน ที่ประสบความสำเร็จด้วย
เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงในเรื่องของพัฒนาการทางเศรษฐกิจเท่านั้น ที่ประชาคมโลกให้การยอมรับประเทศไทยของเรา ยังมีข่าวดี ในเรื่องความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ที่ล่าสุดคณะรัฐมนตรีต่างประเทศ สหภาพยุโรป (EU) ได้เห็นชอบที่จะปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทย ด้วยตระหนักถึงบทบาท ความสำคัญของไทย ในฐานะ "ประเทศผู้ประสาน" การเจรจาและสนับสนุนการขยายความร่วมมือ ระหว่างกลุ่มประเทศ EU-ASEAN ส่งผลการติดต่อทางการเมืองในทุกระดับ ระหว่างเรากับ EU จะกลับเข้าสู่ระดับปกติ ทั้งนี้ก็ยังได้มีการกล่าวถึงความเป็นไปได้ว่า เราอาจจะกลับมาเจรจา "ข้อตกลงเขตการค้าเสรี ระหว่างยุโรป-ไทย" อันจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ในการขยายกลุ่มประเทศคู่ค้าออกไป และสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศของไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่ต่างประเทศได้ตระหนักถึงความตั้งใจนี้ ก็คงไม่เท่ากับการที่พี่น้องประชาชนจะเปิดใจรับรู้ รับฟัง รับทราบในสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ อยากให้มองเห็นในสิ่งที่ดีๆ แล้วก็ช่วยกันเสนอแนะ ต่อยอด ชี้ปัญหาและช่องโหว่ ที่รัฐบาลจะช่วยดำเนินการได้ เพื่อจะให้การเดินหน้าต่อไปด้วยความราบรื่น เราก็ต้องอาศัยความร่วมมือกัน ช่วยกันเสนอแนะ ช่วยกัน "ติเพื่อก่อ" แสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์ คราวนี้เราสามารถทำกรอบใหญ่ได้มากพอสมควร โดยได้รับการยอมรับจากภายนอก เราอย่ามาทำลายความเชื่อมั่นเหล่านี้ด้วยพวกเรากันเองเลย เราจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งภายในไปพร้อมๆ กันด้วย