สำนักข่าวซีบีซีและเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า นายชิเงะฮารุ ชิไร สมาชิกแก๊ง 'ยามะกุชิ' องค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เป็นผู้ต้องหาในคดียิงสังหารหัวหน้าแก๊งโคโด-ไค ซึ่งเป็นเครือข่ายของแก๊งยามะกุชิในจังหวัดมิเอะของญี่ปุ่นเมื่อปี 2003 ก่อนจะหลบหนีมาที่ประเทศไทย ทั้งยังใช้ชีวิตใน จ.ลพบุรีมาเป็นเวลานาน

จนกระทั่งผู้ชื่นชอบรอยสักชาวไทยรายหนึ่งถ่ายภาพรอยสักบริเวณหลังและไหล่ของนายชิเงะฮารุไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และกลายเป็นประเด็นน่าสนใจที่มีผู้นำไปเผยแพร่ต่อกันเป็นจำนวนมาก และตำรวจญี่ปุ่นที่ติดตามคดีนายชิเงะฮารุจึงได้ประสานงานกับตำรวจไทยเพื่อแจ้งเบาะแสให้จับกุมตัว พร้อมทั้งตั้งข้อหาอยู่ในประเทศเกินกำหนดวีซ่าที่ได้รับอนุญาตและข้อหาอื่นๆ

เอ็นเอชเครายงานว่าหลังจากที่ตำรวจไทยสอบปากคำนายชิเงะฮารุเสร็จสินจะดำเนินส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ญี่ปุ่น แต่ยังไม่ทราบกำหนดเวลาที่ชัดเจน

ก่อนหน้านี้เคยมีสมาชิกแก๊งยากูซ่าที่หลบหนีคดีมายังประเทศไทยและถูกจับกุมมาก่อน โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2016 สำนักข่าวเดอะเนชั่นของไทยรายงานว่านายชูเฮ โยชิซาวะ วัย 34 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแลการเงินของแก๊งยามะกุชิในจังหวัดโอซากาของญี่ปุ่น ถูกจับกุมที่กรุงเทพฯ และเมื่อเดือนตุลาคม 2013 มีการจับกุมนายโยชิโสะ โบโนะ วัย 45 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งยามะกุชิในจังหวัดโอซากา และเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2006 ก่อนจะหลบหนีมาซ่อนตัวในประเทศไทย

สื่อต่างประเทศบางสำนักรายงานว่าไทยเป็นประเทศที่มีอาชญากรชาวต่างชาติหลบหนีคดีมาซ่อนตัวอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะไทยเป็นประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยว และไม่ค่อยมีการเพ่งเล็งชาวต่างชาติมากนัก