ไม่พบผลการค้นหา
โครงการเขตการค้าเสรีและเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทยอาจกลายเป็นคู่แข่งแย่งชิงการเป็นเจ้าแห่งการส่งออกของสิงคโปร์ จากปัจจัยต้นทุนในอสังหาริมทรัพย์ การขาดแคลนแรงงานที่เป็นอุปสรรคต่อสิงคโปร์ในปัจจุบัน

แม้ว่าการขนส่งเป็นหนึ่งในเสาหลักทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์และเป็นเสาหลักการขนส่งของภูมิภาคนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 แต่ในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมานี้ หลายบริษัทได้ย้ายฐานการขนส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและมาเลเซีย เนื่องจากสาเหตุด้านต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งในส่วนของอสังหาริมทรัพย์อย่างการสร้างโกดังสินค้า ค่าแรงของพนักงาน รวมไปถึงการขาดแคลนแรงงานที่จะมาช่วยในอำนวยความสะดวกต่างๆ

อย่างไรก็ตามสิงคโปร์อาจจะกลับมาทวงบัลลังก์เจ้าแห่งศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาคนี้ได้อีกครั้ง จากการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซที่เข้ามาบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตลาดดังกล่าวจำเป็นต้องใช้การขนส่งทางอากาศเป็นจุดเชื่อมต่อในการขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ

เขตการค้าเสรีดิจิตอลของมาเลเซีย (DFTZ) และ โครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของไทย ปัจจุบันได้รับความสนใจและการลงทุนจากทางอาลีบาบากรุ๊ป ซึ่งจะทำให้กลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญของสิงคโปร์ในการแย่งชิงการเป็นเจ้าแห่งการส่งออกในอนาคต 

บทความจากtechinasia กล่าวว่า DFTZ และ EEC จะแบ่งการขนส่งของภูมิภาคนี้ออกเป็น 2 ส่วน โดย DFTZ จะครองตลาดในประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน อินโดนีเซีย ติมอร์เลสเต้ และบางส่วนของฟิลิปปินส์ ขณะที่ EEC จะตอบสนองการกระจายสินค้าไปยังตลาดในอินโดจีนอย่างเวียดนาม ลาว กัมพูชา รวมไปถึงเมียนมาด้วย ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะกลายเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าขนาดใหญ่ของอีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่จากจีนในอนาคต

นอกจากนี้ในบทความดังกล่าวยังชี้ว่าทั้งไทยและมาเลเซียต่างมีจุดแข็งในเรื่องของค่าครองชีพที่ถูก ราคาอสังหาริมทรัพย์ในการลงทุนที่ต่ำ ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้าและการกระจายสินค้า ซึ่งเหล่านี้ล้วนต่างเป็นอุปสรรคของสิงคโปร์ในการแข่งขันในเกมนี้ 

ทั้งนี้บทความดังกล่าวได้แนะนำให้สิงคโปร์กลับมามองที่จุดแข็งของตนเองอย่างการเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค ด้วยสนามบินขนาดใหญ่และมีเที่ยวบินที่มีจุดหมายปลายทางทั่วโลกที่ออกจากสิงคโปร์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะทำให้สิงคโปร์ได้เปรียบคู่แข่งอย่างไทยและมาเลเซีย 

ด้วยเที่ยวบินกว่า 6,800 เที่ยวบินต่อสัปดาห์และจุดหมายปลายทางกว่า 330 เมืองที่ออกจากสนามบินชางงี ซึ่งทำให้สิงคโปร์กลายการเป็นจุดเชื่อมต่อทางอากาศที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้สิงคโปร์ยังมีจุดแข็งในเรื่องของภาษีศุลกากรที่ยังคงเหนือคู่แข่งอย่างไทยและมาเลเซีย

และเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาไช่เหนี่ยว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าภายใต้อาลีบาบากรุ๊ป ได้เลือกสิงคโปร์แอร์ไลน์เป็นหนึ่งในผู้จัดส่งและกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งเท่ากับว่าจะทำให้สิงคโปร์กลายเป็นตัวแทนในการกระจายสินค้าของทางอาลีบาบาในภูมิภาคนี้ไปโดยปริยาย ขณะที่โครงการเขตการค้าเสรีดิจิตอลและโครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทยยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ

นอกจากนี้ในเรื่องของภาษีศุลกากรหรือภาษีนำเข้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์ยังคงได้เปรียบหลายประเทศในภูมิภาคนี้ แต่ 2- 3 ปีที่ผ่านนี้หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างแข่งขันกันในเรื่องนี้อย่างหนัก โดยเฉพาะการผ่อนปรนภาษีการนำเข้าของตลาดอีคอมเมิร์ซและมีการปรับโครงสร้างทางภาษีเพื่อให้สะดวกแก่การแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซมากขึ้น

สุดท้ายนี้บทความนี้ยังแนะนำว่า สิงคโปร์ไม่ควรกังวลกับสินค้าของจีนอย่างอาลีบาบาที่หลั่งไหลเข้ามาในภูมิภาคนี้ สิงคโปร์ควรสร้างแรงดึงดูดสินค้าในตลาดระดับกลางและตลาดบน โดยเฉพาะสินค้าจากสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่นและเกาหลี ให้หันมาใช้บริการสิงคโปร์เป็นประตูสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะสร้างมูลค่าให้แก่สิงคโปร์แทนสินค้าจีนในตลาดอีคอมเมิร์ซ