วันที่ 25 มกราคม 2561 ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้ โพสต์เฟสบุ๊ค ถึง กรณี มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ระบุว่า ไทยไม่เคยถอนตัวจากการจัดอันดับทุจริตโลก (CPI)

ทั้งนี้การประเมินและจัดอันดับคอร์รัปชันของประเทศทั่วโลก เป็นการสำรวจข้อมูลอย่างอิสระโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (TI) โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกประเมินและจัดอันดับทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา และเชื่อว่าจะยังคงมีต่อไป

โดยการประกาศผลการประเมินและจัดอันดับประจำปี 60 จะมีขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 นี้

เดิมที “มูลนิธิเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย” เป็นสมาชิกขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติด้วย แต่เมื่อราวสองปีที่แล้วได้ “ถอนตัวจากการเป็นสมาชิก” เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการ แต่ยังคงให้ความร่วมมือและทำกิจกรรมที่เหมาะสมร่วมกันต่อไป

“มูลนิธิเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย” ก่อตั้งปี 2543 โดยมีท่านอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน และ รศ.ดร. จุรี วิจิตรวาทการ เป็นเลขาธิการ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในสังคมไทย

โดยมุ่งผนึกกำลังของปัจเจกบุคคลและองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน ตลอดจนองค์กรภาคประชาสังคมอื่นๆ เพื่อให้การต่อต้านคอร์รัปชันประสบผลสำเร็จ มีผลงานสำคัญ เช่น โครงการโตไปไม่โกง

ดังนั้นประเด็นที่ว่า ไทยถอนตัวจากการจัดอันดับการทุจริตโลก จึงเป็นข่าวที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

ด้าน นางจุรี วิจิตรวาทการ เลขาธิการมูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย กล่าวว่า องค์กรได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติแล้ว เนื่องจากมีหลายประเด็นที่เห็นว่าการชี้วัดขององค์กรดังกล่าวยังมีอคติและไม่สอดคล้องกับความจริงในประเทศไทย

ยืนยันว่าการถอนตัวดังกล่าวไม่ใช่การประท้วงที่ประเทศไทยได้ค่าซีพีไอต่ำลง หรือได้รับการกดดันจากรัฐบาลให้ดำเนินการดังกล่าว โดยมูลนิธิยังคงเดินหน้าการสร้างจิตสำนึกต้านคอร์รัปชั่นเหมือนที่ผ่านมา

 อย่างไรก็ตาม นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ อดีตประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมด้วย พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ นายประยงค์ ปรียาจิตต์ ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยถอดตัวออกจากการเป็นสมาชิกองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (ทีไอ) จะกระทบต่อความเชื่อมั่นภาพรวมการต่อต้านทุจริตในประเทศหรือไม่ว่า ในปีนี้ยังไม่มีผลการประกาศจากทีไอซึ่งจะประกาศภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

และในส่วนของกระแสข่าวที่ว่าไทยลาออกนั้นไม่เป็นความจริง เป็นเพียงองค์กรเอกชนที่ทำหน้าที่ประสานงานของไทยได้ออกจากการเป็นสมาชิกของเครือข่ายหลัก ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล และเชื่อว่าจะไม่กระทบภาพลักษณ์ไทย

เมื่อถามว่าสาเหตุที่ทีไอไทยลาออกเพราะว่าผลจากการประเมินชี้วัดไม่ตรงกับความเป็นจริงนั้น นายปานเทพกล่าวว่า การประเมินนั้นจะชี้วัดประเทศไทยในหลายมิติ แต่ในเมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันจึงถอนตัวออกไป แต่ผลยังมีเหมือนเดิมโดยจะประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อถามว่าตัวแทนของไทยลาออกแล้วใครจะเป็นคนประสานนั้น พล.อ.อ.วีรวิทกล่าวว่า อาจจะใช้ทีไอของมาเลเซียประสานข้อมูลแทน จะต้องรอความชัดเจนก่อน