ไม่พบผลการค้นหา
โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้สัญชาติผู้อพยพวัยเยาว์ 1.8 ล้านคน แลกกับการของบประมาณ 25,000 ล้านดอลลาร์ สร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก

ที่ปรึกษาอาวุโสของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โทรศัพท์สายตรงถึงส.ส.พรรครีพับลิกันเพื่อแจ้งแผนร่างกฎหมายว่าด้วยการอนุญาตให้ผู้อพยพผิดกฎหมายในสหรัฐฯ สามารถยื่นความจำนงเพื่อขอสัญชาติอเมริกันได้ โดยหากร่างกฎหมายนี้ได้รับการยอมรับจากส.ส.พรรคเดโมแครต และผ่านเป็นกฎหมายฉบับใหม่ของสหรัฐฯสำเร็จ จะมีผู้อพยพกว่า 1 ล้าน 8 แสนคนได้รับสัญชาติอเมริกันในอนาคต โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือสภาคองเกรสจะต้องอนุมัติงบประมาณ 25,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 784,000 ล้านบาทให้กับนายทรัมป์เพื่อดำเนินการสร้างกำแพงกั้นเขตแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก

อย่างไรก็ตามหลังจากมีการกล่าวถึงกฎหมายฉบับนี้ สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนแสดงการต่อต้านอย่างรุนแรงและยืนยันจะไม่เห็นชอบกับการยอมจ่ายงบประมาณ 25,000 ล้านดอลลาร์ให้กับนายทรัมป์เพื่อแลกกับการมอบสัญชาติให้ผู้อพยพผิดกฎหมายที่เข้าเมืองมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งในกระบวนการดังกล่าวนั้นต้องใช้เวลาราว 10-12 ปีจนกว่ากระบวนการการขอสัญชาติจะสมบูรณ์ 

ผู้อพยพที่จะได้รับสัญชาติจำนวน 1 ล้าน 8 แสนคนนี้ เป็นการขยายสิทธิ์ของกลุ่มดรีมเมอร์ หรือผู้อพยพวัยเยาว์ผิดกฎหมายที่หนีเข้ามาในสหรัฐฯเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 8 แสนคน คนเหล่านี้ได้รับการคุ้มครองโดยโครงการ DACA ของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา แต่กลับถูกนายทรัมป์สั่งยกเลิกไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตาม ในแผนใหม่ของนายทรัมป์ เขาจะอนุญาตให้ผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนในโครงการ DACA อยู่เดิม แต่เข้าข่าย คือเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมายเมื่อยังเป็นผู้เยาว์ สามารถสมัครเพิ่มเติมเพื่อรับสิทธิ์ขอสัญชาติได้ ทำให้ประเมินกันว่าจะมีผู้ได้รับสัญชาติภายใต้กฎใหม่นี้ประมาณ 1.8 ล้านคน

การต่อรองดังกล่าวเป็นความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ที่จะผ่าทางตันการไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2018 ได้ เนื่องจากส.ว.เดโมแครตไม่ยอมอนุมัติแผนงบประมาณที่เพิ่มงบให้กระทรวงกลาโหมอย่างมาก แต่กลับตัดงบสวัสดิการประชาชนต่างๆ โดยข้อต่อรองสำคัญที่ฝ่ายรีพับลิกันกับเดโมแครตกำลังเจรจากันอยู่ก็คือการให้รัฐบาลยังคงนโยบาย DACA เอาไว้ แลกกับการเพิ่มงบประมาณสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกตามที่นายทรัมป์เคยหาเสียงไว้ 

ทั้งนี้ ทำเนียบขาวหวังว่าร่างกฎหมายใหม่ที่นายทรัมป์เสนอนี้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของวุฒิสภาได้ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนเส้นตาย 8 กุมภาพันธ์ที่ร่างงบประมาณชั่วคราวจะหมดอายุลง และวุฒิสภาจะต้องลงมติผ่านร่างงบประมาณประจำปี 2018 ให้ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัทดาวน์ประเทศครั้งที่ 2