โคคา-โคล่า ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม น้ำผลไม้ น้ำชา หรือน้ำเปล่า กว่า 500 ยี่ห้อ ที่วางจำหน่ายอยู่ใน 200 ประเทศทั่วโลก ให้คำสัญญาว่าจะนำขวดและกระป๋องที่บรรจุน้ำดื่มของตัวเองกลับมารีไซเคิลให้ได้ 100% ภายในปี 2030 ซึ่งโคคา-โคล่า บอกว่าโครงการรีไซเคิลนี้มีชื่อว่า World Without Waste ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ใช้กับทุกประเทศทั่วโลก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดขยะเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม หลังจากที่พบว่าขยะที่เกิดจากกล่องใส่อาหาร หรือขวดน้ำ เป็นสาเหตุหลักที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นตามท้องถนนในเมือง หรือว่าในธรรมชาติอย่างชายหาดหรือท้องทะเล

นายเจมส์ ควินซีย์ ซีอีโอของโคคา-โคล่า ยอมรับว่าขยะที่เกิดจากการแพกเกจสินค้าเป็นปัญหาใหญ่ และทุกๆบริษัทก็ควรจะมีส่วนรับผิดชอบ โดยเขาเชื่อว่าวัสดุทุกอย่างที่ถูกนำมาใช้บรรจุภัณฑ์ ไม่ว่าจะมาจากไหน มีคุณค่ามากกว่าการใช้แค่ไม่กี่ครั้งแล้วก็ทิ้ง วัสดุทุกอย่างจึงควรถูกนำมารีไซเคิลเรื่อยๆ โดยทางบริษัทโคคา-โคล่า กำลังค้นคว้าวิธีที่จะเพิ่มวัสดุที่รีไซเคิลได้ในการทำขวดน้ำ รวมทั้งทดลองทำขวดที่ผลิตจากเส้นใยพืชผสมกับเรซิน เพื่อลดการใช้พลาสติก นอกจากนี้ก็ยังจะลงทุนเพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการแยกขยะเพื่อการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปใช้ในชุมชนของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ นายควินซีย์ ก็กล่าวปกป้องขวดพลาสติกว่าขวดพลาสติกก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสีย แต่ก็มีส่วนดีเหมือนกัน โดยบอกว่าขวดที่ทำมาจากพลาสติกสามารถกักเก็บอาหารและน้ำได้จำนวนมากกว่าวัสดุชนิดอื่นๆ และมีความสะอาดสูง ซึ่งช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ซึ่งการบอกว่าหากไม่มีการใช้ขวดพลาสติกอีกต่อไป จะทำให้โลกนี้สะอาดขึ้น เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด 

องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างกรีนพีซก็ออกมาชื่นชมความพยายามที่จะลดขยะที่เกิดจากขวดพลาสติกของโคคา-โคล่า แต่ก็เสนอแนะอยากให้ทางบริษัทให้ความสำคัญกับการลดการผลิตขยะ มากกว่าการรีไซเคิลขยะ ซึ่งเรื่องนี้ ทิชา บราวน์ นักรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมทางทะเลของกรีนพีซในอังกฤษ บอกว่าบริษัทโคคา-โคล่า ยังคงผลิตขวดพลาสติกเพิ่มขึ้นในทุกๆปี ซึ่งการลดขยะบนโลกจะเป็นไปได้จริง ก็ต่อเมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโคคา-โคล่า สามารถรีไซเคิลขวดน้ำไปพร้อมๆกับการลดการผลิตขวดน้ำใหม่ๆออกมาด้วย ซึ่งที่ผ่านมา โคคา-โคล่า ยังไม่เคยทำสำเร็จ

ภาพ: AP