นายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ซึ่งเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนเกาหลีเหนือเพื่อประชุมกับนายคิมจองอึน เป็นเวลา 3 วัน และได้เดินทางกลับมายังกรุงโซลของเกาหลีใต้แล้ว เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) แถลงข่าวผลการประชุมว่าเขาและคิมจองอึนได้หารือกันเป็นเวลา 3 วัน เกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการที่รัฐบาลเกาหลีเหนือและสหรัฐฯจะเจรจากันเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งคิมจองอึนแสดงความต้องการที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์ให้เร็วที่สุด และต้องการหันไปใส่ใจกับการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ โดยนายคิมหวังว่าเขาจะได้ประชุมร่วมกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อีกครั้งในอนาคตอันใกล้ เพื่อเร่งกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ให้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือมีข้อเรียกร้องในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ นั่นก็คือเกาหลีเหนือต้องการให้มีการประกาศยุติสงครามเกาหลีที่ยืดเยื้อมานาน 68 ปี อย่างเป็นทางการ และต้องการให้นานาชาติยุติการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ โดยสงครามเกาหลีนั้นเริ่มต้นในปี 1950 ก่อนที่จะมีการลงนามข้อตกลงหยุดยิงในปี 1953 และเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ก็มีการแบ่งเขตกันชัดเจนที่เส้นขนานที่ 38 ทำให้โดยทางเทคนิคแล้ว ตอนนี้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในภาวะสงครามกันอยู่ เพราะการลงนามที่ผ่านมา เป็นแค่การลงนามหยุดยิงซึ่งหมายถึงการพักรบชั่วคราว และขณะนี้ในเกาหลีใต้ก็มีฐานทัพและทหารสหรัฐฯประจำการอยู่กว่า 29,000 นาย เผื่อกรณีสงครามปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

การประกาศยุติสงครามเกาหลี ย่อมหมายถึงสหรัฐฯจะต้องถอนทหารทั้งหมดที่ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ออกไป แต่รัฐบาลสหรัฐฯก็ประกาศชัดเจนว่าจะยอมถอนทหารออกจากเกาหลีใต้ก็ต่อเมื่อเกาหลีเหนือได้ปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างถาวรและยินยอมให้ผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติเข้าไปตรวจสอบ 

นายมุนแจอิน เปิดเผยว่าเขาเตรียมที่จะหารือกับโดนัลด์ ทรัมป์ ในสัปดาห์หน้า ที่การประชุมของสหประชาชาติในนครนิวยอร์ก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการประกาศยุติสงครามเกาหลีภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเขาหวังว่าทหารสหรัฐฯจะยังคงสามารถประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ต่อไปได้ แม้จะมีการประกาศยุติสงคราม โดยนายมุนแจอินเปิดเผยว่าเขาได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายคิมจองอึนด้วย ซึ่งนายคิมก็เห็นด้วยว่าการประกาศยุติสงครามเกาหลี ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเงื่อนไขให้สหรัฐฯถอนทหารออกจากเกาหลีใต้