สำนักข่าวเดอะ วอชิงตัน โพสต์ของสหรัฐฯ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ด้านหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า พบสัญญาณบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังผลิตขีปนาวุธในบริเวณซานัมดง ใกล้กับกรุงเปียงยาง ซึ่งเป็นฐานผลิตขีปนาวุธข้ามทวีปลูกแรกที่มีพิสัยไกลจนสามารถใช้โจมตีสหรัฐฯ ได้ ที่เรียกว่า ฮวาซง-15
หลักฐานใหม่ที่ค้นพบ รวมถึงภาพถ่ายทางดาวเทียมในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่ามีการผลิตขีปนาวุธข้ามทวีปแบบเชื้อเพลิงเหลว ฮวาซง-15 อย่างน้อย 1 ลูก และมียานพาหนะเข้าออกโรงงานดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่พบว่าเกาหลีเหนือพัฒนาหรือขยายฐานการผลิตขีปนาวุธแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองยังเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ขีปนาวุธข้ามทวีปแบบเชื้อเพลิงเหลวไม่ได้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงเท่าขีปนาวุธแบบเชื้อเพลิงแข็ง เนื่องจากต้องใช้เวลานานกว่าจะจุดติด
เมลิซา แฮแนม ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือของสถาบันการศึกษานานาชาติมิดเดิลเบรีเปิดเผยกับสำนักข่าวบีบีซีว่า ภาพถ่ายดาวเทียมชี้ให้เห็นว่า มีรถเข้าออกฐานผลิตอาวุธอย่างเป็นแบบแผน และเป็นเช่นนี้ตลอดมา รวมถึงระหว่างการพบกันระหว่านายคิมกับนายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และการพบกันระหว่างนายคิมกับนายทรัมป์ที่สิงคโปร์ด้วย แสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือไม่ได้ยุติการผลิตอาวุธในช่วงการเจรจาเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ ภาพตู้คอนเนอร์สีสันสดใสในภาพถ่ายดาวเทียวชุดล่าสุดนี้ คล้ายกับตู้คอนเทนเนอร์กับช่วงที่เกาหลีเหนือผลิตขีปนาวุธข้ามทวีปลูกก่อน
จากข้อมูลของหน่วยข่าวกรอง พบว่านอกจากเกาหลีจะไม่ยุติการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือยังหารือกันว่า พวกเขาตั้งใจตบตาสหรัฐฯ เกี่ยวกับจำนวนหัวรบนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือครอบครองอยู่ ประเภทและจำนวนของฐานผลิตอาวุธ และการปฏิเสธผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติ กลยุทธ์ของเกาหลีเหนือยังรวมถึงการประกาศว่าเกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดแล้ว และทำลายหัวรบนิวเคลียร์ 20 หัว แต่ผลิตหัวรบเพิ่มอย่างลับๆ ขึ้นมาอีกหลายหัว
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ทางการเกาหลีใต้ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ แต่อย่างใด และยังเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ผ่านการเจรจาทางการทหารที่หมู่บ้านพันมุนจอม ในพื้นที่ปลอดทหาร (DMZ)
สหรัฐฯ เสียเหลี่ยมเกาหลีเหนือ?
(คิมจองอึนและโดนัลด์ ทรัมป์จับมือกันระหว่างการพบกันครั้งแรกของผู้นำเกาหลีเหนือและสิงคโปร์ ที่สิงค์โปร์)
การค้นพบหลักฐานว่าเกาหลีเหนือยังไม่ปิดโรงงานพัฒนาและผลิตอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธมีขึ้น เพียงไม่นานหลังจากที่นายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สิงคโปร์ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการปลดอาวุธอานิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี และนายทรัมป์ก็เพิ่งทวีตข้อความไปไม่นานว่า เกาหลีเหนือไม่ได้เป็น "ภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์" อีกต่อไป
การพบกันครั้งประวัติศาสตร์ที่สิงคโปร์ นายคิมและนายทรัมป์ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมว่า เกาหลีเหนือและสหรัฐฯ จะร่วมมือกัน "ปลดอาวุธนิวเคลียร์ออกจากคาบสมุทรเกาหลีอย่างสมบูรณ์" ซึ่งไม่มีการนิยามคำว่า "อย่างสมบูรณ์" ไว้ว่าหมายความว่าอะไร อีกทั้งยังไม่มีกำหนดว่าเกาหลีเหนือต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์เมื่อไหร่ ใช้เวลาเท่าไหร่ และใช้วิธีการไหน รวมถึงไม่มีการกำหนดวิธีการตรวจสอบรับรองว่าเกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์จริงตามข้อตกลงด้วย นักวิเคราะห์หลายคนจึงมองว่า นายทรัมป์เสียเหลี่ยมที่ลงนามข้อตกลงนี้กับนายคิม
ก่อนหน้านี้ ยังมีรายงานว่า โรงผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ "คังซน" ของเกาหลีเหนือยังคงทำงานอยู่อย่างลับๆ โดยที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศก็ยอมรับว่ารับรู้ข้อมูลนี้แล้ว แต่เขาปฏิเสธที่จะชี้แจงว่า เกาหลีเหนือกำลังผลิตขีปนาวุธลูกใหม่อยู่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ภาพถ่ายดาวเทียมชี้ให้เห็นมีคนงานถอดฐานทดสอบเครื่องยนต์ ในสถานีปล่อยดาวเทียมโซแฮ บริเวณชายฝั่งตะวันตกของเกาหลีเหนือ ตามที่เกาหลีเหนือสัญญาไว้สหรัฐฯ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง