ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรีปลุกเกษตรกรขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI สร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชน ดึงจุดเด่นสร้างสตอรี่เชื่อมท่องเที่ยว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในภาพรวมขณะนี้ถือดีขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรอย่างข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และอื่น ๆ ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการให้สินค้ามีคุณภาพและปริมาณที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ขณะที่ ช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่ผลผลิตทางการเกษตรหลายชนิดเริ่มออกมาวางขายในตลาด ทำให้เกษตรกรมีรายได้ แต่อยากให้คำนึงถึงความยั่งยืนในวันข้างหน้าว่า ทำอย่างไรให้มีรายได้ตลอดปี เช่นการปลูกพืชแบบผสมผสานและเลี้ยงสัตว์ หรือเพิ่มมูลค่าผลผลิตของตนเองด้วยการแปรรูป ซึ่งวิธีการหนึ่งที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตคือ การให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ซึ่งเป็นสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง โดยคุณภาพและชื่อเสียงของสินค้าจะเชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ที่ผลิตสินค้านั้น ทำให้สินค้ามีความแตกต่าง สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

โดยล่าสุดประเทศไทยได้ให้ความคุ้มครอง สินค้า GI ไทยและต่างประเทศ รวม 103 รายการ เป็นสินค้าไทยจาก 59 จังหวัด 87 รายการ สินค้าต่างประเทศ 9 ประเทศ 16 รายการ โดยปีที่ผ่านมามีสินค้าใหม่ขึ้นทะเบียน 20 รายการ และรัฐบาลพยายามนำสินค้า GI ชุมชนเหล่านี้ไปวางขายในห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีก เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ทำให้สินค้าขายดีจนผลิตไม่ทัน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล

สำหรับตัวอย่างสินค้า GI ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เช่น ลิ้นจี่บางขุนเทียน จากกิโลกรัมละ 500 เป็น 1,000 บาท ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง จากกิโลกรัมละ 40 เป็น 100 บาท มะยงชิด จาก กิโลกรัมละ 100 เป็น 300 - 400 บาท ผ้าไหมดอกยกลำพูน จาก 8,000 เป็น 12,000 บาท ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง จากกิโลกรัมละ 100 บาท เป็น 400 บาท ข้าวเจ๊กเชย เสาไห้ สระบุรี จากกิโลกรัมละ 35 -38 เป็น 60 - 65 บาท เป็นต้น

นอกจากนี้ สินค้า GI เหล่านี้ยังเป็นจุดเด่นของแต่ละจังหวัดที่สามารถนำไปเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยผูกร้อยเป็นเรื่องราวให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเมืองรอง 55 จังหวัดด้วย

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง