ศูนย์วิจัยวาฬพบวาฬเพชฌฆาตเพศเมียอายุ 30 ปีที่ชื่อ แทเลควา รหัส J35 นอกชายฝั่งเมืองวิกตอเรีย รัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดาเมื่อวันที่ 8ส.ค.ที่ผ่านมา และมันยังคงแบกซากลูกวาฬไว้บนหลังของมันมาตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. คิดเป็นกว่า 16 วันแล้ว
ศูนย์วิจัยวาฬระบุว่า วาฬเพชฌฆาตและโลมาเป็นสัตว์ที่มีสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่แน่นแฟ้นมาก จึงมักเห็นแม่วาฬโศกเศร้าเมื่อลูกตาย แต่ที่ผ่านมา มีข้อมูลว่าแม่วาฬแบกซากลูกวาฬไว้ไม่เกิน 1 สัปดาห์เท่านั้น การที่แม่วาฬ J35 แบกลูกของมันไว้ถึง 16 วันอาจยาวนานจนทำลายสถิติ
นายเคน บัลโคมบ์ นักวิทยาศาสตร์อาวุโสและผู้้ก่อตั้งศูนย์วิจัยวาฬกล่าวว่า นี่อาจเป็นเพียงวิธีการจัดการความเศร้าที่เกิดจากการสูญเสียลูกของ J35 และก่อนหน้านี้ มันอาจเคยสูญเสียลูกไปแล้ว 2 ตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่พวกมันสูญเสียลูกไปในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ก่อนหน้านี้ นายบัลโคมบ์ระบุว่าลูกวาฬตัวนี้เป็นลูกวาฬตัวแรกในรอบ 3 ปีที่เกิดมาจากวาฬเพชฌฆาตเซาเทิร์นเรสซิเดนท์เพียง 75 ตัว จากทั้งหมด 3 ฝูงที่อาศัยอยู่นอกชายฝั่งทางตะวันตกของสหรัฐฯ และแคนาดา จากมลรัฐอลาสกาลงมาถึงแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นวาฬที่กำลังเสี่ยงสูญพันธุ์
ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ลูกวาฬที่เกิดใหม่ร้อยละ 75 มักตายหลังคลอดออกมาได้ไม่นาน และช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยวาฬพบว่า วาฬชนิดนี้ผสมพันธุ์ไม่สำเร็จและแท้งลูกทั้งหมด ทั้งที่ตามธรรมชาติแล้ว ฝูงวาฬควรจะมีลูกวาฬเกิดใหม่ปีละ 6-9 ตัว
นายบัลโคมบ์ อธิบายต่อว่าการเห็นลูกวาฬตายเพียงไม่นานหลังเกิดขึ้นมาเป็นสัญญาณให้เห็นถึงปัญหาใหญ่ที่วาฬกำลังเผชิญ ได้แก่ 1. สารพิษทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของวาฬ 2. การจราจรทางน้ำที่หนาแน่น 3. การขาดแคลนอาหารวาฬจากการทำประมงของมนุษย์ โดยเฉพาะแซลมอนชินุก ที่ลดจำนวนประชากรอย่างมาก โดยการขาดแคลนอาหารถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ส่งผลให้แม่วาฬสุขภาพไม่แข็งแรง ลูกที่เกิดมาก็ไม่แข็งแรงตามไปด้วย วาฬที่อายุน้อยที่สุดของสายพันธุ์นี้มีอายุประมาณ 4 ปี แต่ก็ไม่แข็งแรง และกำลังจะตาย
ที่มา : BBC, Whale Research, NOAA Fisheries