นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ (13ก.ค.2563)ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศที่พักอยู่ใน State Quarantine ส่วนในประเทศไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องเป็นเวลา 49 วันนับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.เป็นต้นมา ผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,220 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และผู้ป่วยใน State Quarantine จำนวน 283 ราย วันนี้มีผู้หายป่วยเพิ่ม 2 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,090 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 72 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ได้แก่ รายแรกเป็นชายไทยวัย 48 ปี อาชีพรับจ้าง มาจากคูเวตถึงไทยวันที่ 29 มิ.ย.เข้าพักใน State Quarantine ที่กทม. ตรวจครั้งแรกวันที่ 2 ก.ค.ไม่พบเชื้อ และตรวจซ้ำในวันที่ 11 ก.ค.พบเชื้อแต่ไม่มีอาการ พบประวัติเสี่ยงจากการทำงานเป็นช่างทั่วไปในบริษัทแห่งหนึ่งตั้งแต่เดือน พ.ย.62 พักในแคมป์คนงานที่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก อีกทั้งพบผู้ที่เดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกับติดเชื้อ 10 ราย
รายที่ 2 เป็นหญิงไทยวัย 22 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางจากบาห์เรนถึงไทยวันที่ 12 ก.ค.ตรวจคัดกรองพบมีอาการไข้และพบเชื้อ จึงส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา
ส่วนรายที่ 3 เป็นชาวอียิปต์วัย 43 ปี อาชีพทหาร (ลูกเรือเครื่องบินทหาร) มีไทม์ไลน์การเดินทางดังนี้
6 ก.ค. 2563 เดินทางจากสนามบินกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
7 ก.ค. 2563 เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปยังปากีสถาน
8 ก.ค. 2563 เดินทางมาถึงสนามบินอู่ตะเภา เข้าพักที่โรงแรมแห่งในซึ่งเป็น State Quarantine ใน อ.เมืองระยอง
9 ก.ค. 2563 ออกจากโรงแรมใน จ.ระยอง ไปสนามบินอู่ตะเภา เพื่อบินไปทำภารกิจทางการทหารที่เมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน และกลับมาวันเดียวกันเข้าพักที่โรงแรมแห่งเดิม
10 ก.ค. 2563 หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) อ.เมืองระยอง เข้าคัดกรองอาการคณะเดินทางและลูกเรือ เก็บตัวอย่างส่งตรวจทั้งคณะ 31 ราย
11 ก.ค. 2563 คณะดังกล่าวเดินทางออกจากประเทศไทยกลับไปยังอียิปต์ ซึ่งขณะนั้นผลตรวจยังไม่ชัดเจน จึงส่งตรวจซ้ำ
12 ก.ค. 2563 ผลออกมายืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กเมื่อเช้าที่ผ่านมามีการพูดคุยกันว่า แม้จะเป็นลูกเรือต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยตามข้อกำหนดที่เป็นลักษณะเฉพาะขึ้นมา โดยรายนี้เดินทางมาลงที่สนามบินอู่ตะเภา ทำให้มาตรการคุมเข้ม จึงต้องมีการทบทวนกันใหม่ ทำให้โรงแรมดังกล่าวใน จ.ระยอง ถือว่าเป็นสถานที่สัมผัสกับผู้พบเชื้อ ซึ่งมาตรการสอบสวนโรคต้องครอบคลุมโรงแรมนี้ทั้งหมด ขณะที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็มีข้อสั่งการให้ออกมาตรการคุมเข้มในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะกลับประเทศตนเองไปแล้ว
นอกจากนี้ ระหว่างสอบสวนโรคพบว่า ขณะที่ผู้ป่วยยังไม่ได้รับการตรวจสอบยืนยันผลการติดเชื้อ กลุ่มนี้มีการออกจากโรงแรมที่กักตัวไปสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง รวมถึงห้างสรรพสินค้าบางแห่งด้วย เจ้าหน้าที่สอบสวนโรคจะต้องลงพื้นที่สัมผัสทุกแห่ง จึงรายงานเพื่อให้ประชาชนชาวระยองรับทราบ พร้อมยืนยันว่า ศบค. ไม่ปกปิดข้อมูล โดยสำนักงานป้องกันควบคุมโรคพื้นที่จะร่วมกับทีมส่วนกลาง สอบสวนโรคเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของทุกคน และหากคิดว่าตนเองมีความเสี่ยงสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ให้ติดต่อไปยังสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
ทั้งนี้ โฆษก ศบค. กล่าวถึงกรณีของเด็กหญิงอายุ 9 ปีที่เดินทางมาจากแอฟริกาพร้อมครอบครัวของคณะทูต พบว่า วันที่ 7 ก.ค.มารดานำผู้ป่วยและครอบครัว รวม 5 คนไปตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางที่ รพ.แห่งหนึ่งที่ซูดาน ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ และผู้ป่วยและครอบครัว รวม 5 คนเดินทางมาถึงไทยเวลา 05.40 น. วันที่ 10 ก.ค. ผลคัดกรองไม่มีอาการ เก็บตัวส่งตรวจ ผลพบเชื้อ แต่บิดานำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่รพ.แห่งหนึ่งใน กทม. มีการตรวจซ้ำและพบเชื้อ แต่ได้นำสมาชิกที่เหลือกักกันในที่พำนักที่คอนโดแห่งหนึ่งใน กทม. วันที่ 11 ก.ค.ผลตรวจแพทย์พบปอดอักเสบ จึงส่งต่อผู้ป่วยมารักษาต่อที่ รพ.แห่งหนึ่ง
สำหรับกรณีรายนี้ซึ่งเป็นบุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศซึ่งมาปฏิบัติงานในประเทศไทย เมื่อเดินทางมาถึงต้องเข้ารับการกักกันของต้นสังกัด 14 วัน ทั้งนี้ทีมสอบสวนโรคจะต้องไปสอบสวนโรคในพื้นที่คอนโดฯ แห่งนี้ ซึ่งขอให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้เข้าใจ และให้ความร่วมมือ แต่ไม่ต้องตกใจเพราะผู้ป่วยรายนี้อาการน้อยมากๆ และการมาไทยเป็นระยะเวลาสั้นๆ
"คงไม่ไปกล่าวโทษ เนื่องจากเข้ามาในช่วงที่มีการอนุญาตทุกอย่าง ผมในฐานะโฆษก ศบค.ก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด ละเลย หรือตั้งใจกระทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ต้อง แต่เป็นจุดที่เราต้องเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งเป็นข้อต่อเป็นรายละเอียดปลีกย่อย หลากหลายมากมาย ก็ต้องเรียนรู้และค่อยๆ ทำร่วมกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเสียหายอะไรที่เป็นประเด็น แต่ถ้าสามารถควบคุมโรคได้และปิดจุดอ่อนและนำให้เกิดระเบียบปฏิบัติให้ละเอียดยิ่งๆขึ้นไป...ในเมื่อเป็นความเสี่ยงเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องมากำหนดมาตรการที่ครอบคลุมกว่านี้ ต้องเรียนรู้ไปร่วมกัน เพราะโรคนี้เป็นโรคใหม่ เมื่อพบปัญหาแบบนี้ก็ต้องละเอียดกันยิ่งขึ้น"
นอกจากนี้ ศบค.ได้พูดคุยกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ทำความเข้าใจสถานทูตต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือ เพื่อทำให้เกิดความเรียบร้อยมากขึ้น เรียนรู้ไปด้วยกันว่าต้องเป็นแบบนี้
โฆษก ศบค. กล่าวตอบข้อซักถามถึงกรณีของเด็กอายุ 9 ขวบ และลูกเรือ ลงเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภา แล้วเดินทางไประยองทำไมถึงไม่กักตัวนั้นถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่เกิดขึ้น เด็กหญิงที่มากับครอบครัวคณะทูต ซึ่งได้ให้สถานทูตเป็นต้นสังกัดในการกักกัน ซึ่งเราเชื่อใจและให้เกียรติแต่เมื่อพบว่าสถานที่พำนักกลายเป็นคอนโดฯ จึงต้องมีการกำชับและขอให้ร่วมกันรับผิดชอบ และมีมาตรการมากขึ้นซึ่งเมื่อเช้านี้ในที่ประชุม ศบค.ได้มอบให้กระทรวงการต่างประเทศได้ทำความเข้าใจกับสถานทูตต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือในการทำให้เกิดความเรียบร้อยมากกว่านี้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เรียนรู้ไปด้วยกัน และเข้าใจตรงกันว่าจะต้องเป็นแบบนี้ 14 วันนี้จะต้องอยู่ในสถานที่ของท่านจริงๆ ไม่ต้องออกมา