ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ขอแรงงานไปเลือกตั้ง บอกประชาธิปไตยเป็นสิ่งดี ขออย่าบิดเบือน สั่ง จนท.ชื้อเครื่องแสกนม่านตาให้เพียงพอ

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมคณะเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชมองค์การสะพานปลา ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยมีกลุ่มชาวประมงองค์การสะพานปลา และประชาชนในพื้นที่รอต้อนรับประมาณ 200 คน ทันทีที่เดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรี พูดกับประชาชนที่มารอว่า วันนี้รัฐบาลมุ่งแก้ปัญหาในทุกพื้นที่ ซึ่ง จ.สมุทรสาคร เป็นอันดับที่มีรายได้ระดับต้นๆ ของประเทศ แต่ยังคงมีผู้มีรายได้น้อยอยู่

มีหลายคนพูดว่าเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำอะไรบ้าง แต่ตนเองจะไม่ขายฝัน แต่จะมุ่งเน้นสร้างเศรษฐกิจให้เท่ากันทั่วประเทศ ซึ่งทุกส่วนจะต้องช่วยกันว่าวันข้างหน้าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เพราะตนเองทำคนเดียวไม่ได้ ขนาดแค่เรื่องออกกฎหมาย ก็ยังไม่ชอบตนเอง

ส่วนเรื่องประชาธิปไตย ขออย่ามองแต่สิทธิเสรีภาพที่ไม่มีขีดจำกัด เพราะทุกคนต้องเคารพกฎหมายโดยการเลือกตั้งที่จะมาถึง ก็ขอให้เลือกคนที่มีวิธีการที่ยั่งยืน

แม้ว่าทุกวันนี้หลายคนจะบอกว่าตนเองอยากสืบทอดอำนาจ ก็ขอให้ช่วยกันด้วยอย่าไปเชื่อข่าวบิดเบือน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงถึงกรณีกลุ่มการเมือง ไปยื่นขอจดทะเบียนตั้งพรรคการเมือง ต่อ กกต.ว่า ชื่อพรรคบางพรรคนั้นใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะไม่ใช่ของเล่น ดังนั้นคนเหล่านี้ไม่ได้มีเจตนาตั้งพรรค แต่ต้องการแค่เป็นข่าว

จากนั้นได้เดินพูดคุยกับชาวประมง และถามว่า ขึ้นทะเบียนแบบถูกกฎหมายแล้ว ดีกว่าเดิมหรือไม่ มีใครรังแกหรือไม่ ถ้าหากดีแล้ว ก็ให้ให้ขึ้นทะเบียนให้ถูกกฎหมายกันให้หมด

โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำขอให้ทุกคนไปเลือกตั้ง เลือกให้เป็น อย่าเลือกคนแจกของ ให้เลือกคนมาทำงานให้ประเทศอย่างยั่งยืน เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง จะเอาใครก็ได้ มาบริหารประเทศ เพราะถ้าได้คนแบบนั้น ต่อไปจะแย่ทั้งประเทศ ต้องได้ สส.ที่มีความรับผิดชอบทุกคนต้องช่วยกันคิด จะเลือกอย่างไรขอให้ช่วยรัฐบาลวางรากฐานประชาธิปไตย เพื่อลูกหลานในอนาคต หลายคนบอกอยู่ต่อเพื่อสืบทอดอำนาจ อยากถามว่าอยู่นานแล้วได้อะไร เพราะถูกเละเหมือนกัน

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวระหว่างการเดินเยี่ยมชมศูนย์ตรวจเรือ ว่า วันนี้ต้องแก้ปัญหาเร่งด่วน ให้ครบ ซึ่งการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายหรือ IUU ตนอยากให้ประชาชนเข้าใจ ว่า จะต้องรักษาผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของประเทศไว้ เพราะกิจการรายได้จากการทำประมง 2 แสนกว่าล้านบาท ก็ขายใครไม่ได้ หากจะจับปลามาขายในประเทศก็ขายได้ไม่หมดอยู่แล้ว ดังนั้นส่วนน้อยจึงต้องดูแลส่วนใหญ่ รัฐบาลจึงได้หามาตนการ หากฎหมาย แต่ไม่ได้มุ่งหวังทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน แต่ด้วยกติกาสากล วันนี้ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศไทยมี่โดน แต่มีประเทศในอาเซียนที่กำลังจะโดนตามมาอีกหลายประเทศ ประเทศไทยจึงต้องทำเป็นตัวอย่างให้ได้ ใครเดือร้อนรัฐบาลต้องดูแล แก้ปัญหา ซึ่งมีหลายกระทรวง เข้ามาทำ

ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ถึงการติดตามเครื่องมือติดตามเรือ ว่าเสียหรือขัดข้องหรือไม่ ขอให้ตรวจสอบ และอย่าตั้งใจให้เสีย หากใครตั้งใจทำให้เสีย ต้องลงโทษ โดยการหยุดเดินเรือทันที ต้องซื่อสัตย์ ซึ่งตนมั่นใจในระบบและขอให้ทำให้เกิดความสมบูรณ์ พร้อมทั้งขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันในการแก้ไข ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรี ยังได้เยี่ยมชมการตรวจสอบแรงงานด้วยการสแกนม่านตา โดยสอบถามถึงการทำงานของเครื่อง ก่อนสั่งเจ้าหน้าที่ว่าต้องหาเครื่องแสกนม่านตาให้เพียงพอ ซึ่งตนอยากให้ทีการตัดตั้งศูนย์ หรือส่งเจ้าหน้าที่ไปยังพื้นที่เพื่อตรวจแรงงานต่างด้าวด้วย และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดซื้ออุปกรณ์ให้ครบ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวว่าจะต้องพยายามขึ้นทะเบียนให้ครบทั้งระบบ ตั้งแต่การพิสูจน์สัญชาติ พิสูจน์อัตตลักษณ์ บุคคล ด้วยการสแกนม่านตา ซึ่งสั่งการไปนานแล้ว ก็ควรทำให้เร็วขึ้น และต้องแล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด ทั้งนี้รัฐบาลต้องให้การให้ดูแลแรงงานต่างด้าวตามหลักมนุษยธรรม แม้จะยอมรับว่าเป็นภาระกับรัฐบาลก็ตาม เพราะแรงงานเหล่านี้นำครอบครัวมาด้วย จึงต้องให้การดูแลเช่นกัน

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อแสดงความจริงใจให้ต่างประเทศเห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ ต่อการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องเสียสละ อย่างไรก็ตามการที่คดีน้อยลง หรือ มากขึ้นนั้น ไม่ใช่ตัวชี้วัดว่ามีการละเมิดมากขึ้น เรื่องสำคัญคือต้องให้การดูแลเหยื่อค้ามนุษย์ที่ถูกหลอกลวง หรือได้รับความสูญเสีย รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นขออย่าต่อต้านรัฐบาลในการใช้กฎหมาย แต่ควรร่วมมือเพื่อให้การแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย เป็นไปอย่างยั่งยืนด้วยจิตสำนึก แต่หากฝ่าฝืนก็จำเป็นต้องดำเนินการ ตามกฎหมาย

ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม.และรมว.กห. เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ และการคุ้มครองสวัสดิการแรงงาน

โดย ตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า - แจ้งออกเรือประมง เขต 1 สมุทรสาคร ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของหลายส่วนราชการ เช่น กรมทรัพยากรชายฝั่ง กรมประมง กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ หน่วยงานศรชล. และตำรวจน้ำ ในการควบคุม แจ้งเรือ เข้า - ออก

ทั้งนี้ภาพรวม การแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฏหมายในพื้นที่ ตามแนวทางรัฐบาล มีความคืบหน้าไปมาก โดย 2 ปีที่ผ่านมา พบสัดส่วนการกระทำผิดของเรือประมงกลุ่มเสี่ยงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้ประกอบการประมงให้ความร่วมมือด้วยดี ในการปรับการทำประมงให้ถูกต้องได้มาตรฐานตามกฏหมายกำหนด

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าว ขอบคุณและให้กำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ผ่านมา และย้ำต้องทำงานหนักร่วมกันทุกฝ่าย โดยให้ความสำคัญเร่งด่วน ในเรื่องที่มีผลกระทบ ต่อการส่งออกสินค้าสัตว์น้ำและความเชื่อมั่น ของประเทศ และขอให้ต้องคงความต่อเนื่องในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น กำหนดมาตรการป้องกัน ขจัดเงื่อนไขการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำประมงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเน้นให้ความสำคัญ กับการตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งต้องไม่ให้มีการขนถ่ายแรงงานและปลาในทะเล รวมทั้งต้องให้การคุ้มครองแรงงานด้านสวัสดิการ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์หรือมีการบังคับใช้แรงงานโดยเด็ดขาด  โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ทั้งเรือที่ต่ำกว่า 30 ตันกรอส และผู้ประกอบการที่เคยกระทำผิด

ขณะเดียวกันกัน ต้องเปิดโอกาสให้มีการทำงานกับองค์กรไม่ใช่ภาครัฐ ( NGOs ) ใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งการลงพื้นที่และการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ถูกต้องร่วมกัน รวมทั้งการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมกับประชาชนมากขึ้น

หลังจากนั้น ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จจังหวัด ( One Stop Service ) ณ โรงพยาบาลสมุทรสาคร ซึ่งมีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานในจังหวัดสมุทรสาครถึง 292,854 คน โดยพล.อ.ประวิตร ได้ ย้ำขอให้บูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของศูนย์ฯ และเร่งดำเนินการจดทะเบียนให้ทันภายใน มิ.ย.61 พร้อมทั้ง กำกับดูแลสวัสดิภาพแรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานตามกฏหมายกำหนด