ผู้ว่าการจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซียประกาศว่าจะไม่ใช้บทลงโทษของกฎหมายชารีอะห์ที่ให้มีการเฆี่ยนผู้กระทำผิดในที่สาธารณะอีกต่อไป โดยจุดประสงค์ของการเปลี่ยนไปเฆี่ยนในเรือนจำเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเห็น และควบคุมไม่ให้มีคนถ่ายคลิปวิดีโอจากกล้องหรือโทรศัพท์มือถือ เพราะเมื่อนักโทษได้ถูกทำโทษไปแล้ว หากภาพเหล่านั้นถูกเผยแพร่ไปบนโลกโซเชียล จะทำให้พวกเขาถูกลงโทษไปตลอดชีวิต
ที่ผ่านมา ประชาชนทั่วไปจะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงโทษผู้กระทำผิด โดยผู้ที่ไปชมจำนวนมากจะโห่ร้องและถ่ายคลิปวิดีโอ อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเอพีระบุว่าการลงโทษด้วยการเฆี่ยนจะยังคงดำเนินต่อไป และผู้ใหญ่จะยังสามารถเข้าไปชมการลงโทษได้ แต่การเฆี่ยนในเรือนจำหรือสถานกักกันอื่น และจะจำกัดจำนวนผู้เข้าชม รวมถึงห้ามถ่ายคลิป
สำนักข่าว Asian Correspondent รายงานว่า คำสั่งยกเลิกนี้มีขึ้นหลังจากที่ผู้ชาย 2 คนที่ถูกกล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์กันที่เมืองบันดาอาเจะห์เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2017 ทำให้จังหวัดอาเจะห์ถูกประณามจากนานาชาติ และถูกวิจารณ์ว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์ประเทศมุสลิมสายกลางของอินโดนีเซีย
จังหวัดอาเจะห์เป็นเพียงจังหวัดเดียวในอินโดนีเซียที่ใช้หลักชารีอะห์นับตั้งแต่ปี 2001 เพื่อยุติขบวนการเคลื่อนไหวแบ่งแยกประเทศ และการเฆี่ยนถูกนำมาใช้ในปี 2005 สำหรับการลงโทษในข้อหาเล่นพนัน ดื่มแอลกอฮอล์ มีความสัมพันธ์นอกสมรส พลอดรักกันในที่สาธารณะ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
ด้านเจ้าหน้าที่ของฮิวแมนไรท์วอทช์วิจารณ์ว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ทำให้กฎหมายก้าวหน้าขึ้นเลย เพราะการทรมานก็คือการทรมาน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในที่สาธารณะ นอกมัสยิดหลังการละหมาดในคืนวันศุกร์ หรือในห้องปิดที่ห้ามคนถ่ายภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
