ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ นำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาทต่อที่ประชุม สนช. ในวาระที่ 1 ย้ำนำประเทศเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ชี้รัฐบาลหน้าต้องทำให้ได้แบบรัฐบาล คสช. อัดรัฐบาลก่อนหน้าดูแลไม่ถึงทั่วประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แถลงต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ โดยก่อนแถลง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกสมาชิก สนช.ที่อยู่ภายนอกห้องประชุมให้เข้าร่วมประชุมให้ตรงเวลา โดยให้เหตุผลว่าอยากเห็นหน้า และที่ผ่านติดตามการทำงานมาตลอด หากมีเวลาจะดูทีวีรัฐสภามาตลอด เห็นบางคนทำงานตั้งใจอย่างเต็มที่ก็ขอบคุณด้วย 

สำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ถือเป็นเครื่องมือสำคัญของประเทศที่จะพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืน ตามยุทธ์ศาสตร์ชาติ 20 ปี มีงบประมาณไม่เกิน 3 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลได้ขอมา 

โดยจำแนกตามยุทธศาสตร์ 20 ปี 7 ด้าน คือ ด้านความมั่นคง 329,239.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11 

ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 406,496 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.5 

ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน 560,884.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.7

ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างการเติบโตจากภายใน 397,581.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.3 

ด้านการจัดการน้ำและสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 117,266 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.9 

ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ 838,422.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.9

รายการค่าดำเนินการภาครัฐ 350,109.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.7

สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำกระทรวงนั้น กระทรวงศึกษาธิการได้งบประมาณมากที่สุด จำนวน 4.89 แสนล้านบาท รองลงมาคือ งบกลาง 4.68 แสนล้านบาท กระทรวงมหาดไทย 3.73 แสนล้านบาท กระทรวงการคลัง 2.42 แสนล้านบาท ส่วนกระทรวงกลาโหม 2.27 แสนล้านบาท 

ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 3.9 - 4.9 คาดว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วง ร้อยละ 0.9 – 1.9 ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณร้อยละ 6.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งในด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน การส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลประมาณการว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิทั้งสิ้น จำนวน 2,673,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากปีก่อน เมื่อหักการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 123,000 ล้านบาท คงเหลือเป็นรายได้สุทธิที่สามารถนำมาจัดสรรเป็นรายจ่ายของรัฐบาล จำนวน 2,550,000 ล้านบาท ดังนั้น งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ทั้งสิ้น 3,000,000 ล้านบาท เป็นการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล มาจากรายได้สุทธิ จำนวน 2,550,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 450,000 ล้านบาท

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2562 จำแนกตามยุทธศาสตร์ 20 ปี 6 ด้าน เพื่อเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ด้านความมั่นคง คิดเป็นร้อยละ 11 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ร้อยละ 13.5 ด้านการพัฒนาและเสริมศักยภาพคน ร้อยละ 18.7 ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลือมล้ำ และสร้างการเติบโตจากภายใน ร้อยละ 13.3 ด้านการจัดการน้ำ และสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ร้อยละ 3.9 และด้านปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ร้อยละ 27.9 และรายการค่าดำเนินดารภาครัฐ ร้อยละ 11.7 

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า สาระสำคัญของการดำเนินการของรัฐ ทั้งเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ รัฐบาลมุ่งเสริมสร้างความมั่นคง ของสถาบันหลักของชาติ รักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ควบคุมไปกับผลประโยชน์ของชาติ และบริหารจัดการภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมผ่านไปเพียง 10 นาที นายกรัฐมนตรีได้หยุดแถลงชั่วขณะ ก่อนกล่าวติดตลก กับที่ประชุมว่าขอพักเสียงหน่อย เพราะเริ่มเวียนหัวกับตัวเลข พร้อมพูดหยอกกับนักศึกษา ที่เข้ามาดูงานภายในห้องประชุมอาคารรัฐสภา ว่าอายุถึง 18 ปี หรือยัง ถ้าครบก็สามารถเลือกตั้งได้ ย้ำว่าเลือกให้ดี อนาคตประเทศอยู่ที่พวกคุณ ไม่ได้อยู่ที่ตน


สภานิติบัญญัติแห่งชาติ งบประมาณ รัฐสภา ประยุทธ์ 180607115223.JPG

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุตอนหนึ่งว่า มีคนบอกว่ารัฐบาลนี้ใช้งบประมาณเปลือง จึงอยากให้เปรียบเทียบดูว่า นำงบประมาณมาทำเพื่ออะไร เพราะต้องนำเงินไปดูแลผู้มีรายได้น้อยและทำไปสู่เพื่ออนาคต ส่วนตัวเลขงบประมาณที่สูง ถูกมองจะต้องมีการทุจริต จะมองแบบนี้ไม่ได้ กฏหมายต้องไม่สร้างภาระ เรื่องการทุจริตไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฏหมาย อยู่ที่คน รัฐบาลชุดนี้ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณเสมอ เมื่อทักท้วงทั้งกลไก สตง. และคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการตรวจสอบ ขออย่าขยายความเกิดการขยายบิดเบือนเรื่องการทุจริต เพราะทุกอย่างอยู่ที่ใจ คิดให้ถูก มีเหตุมีผล ใช้สติปัญหา ไม่ใช่ความรู้สึก ขณะเดียวกันข้าราชการต้องซื่อสัตย์และมีคุณธรรม ซึ่งตนเองได้กำชับไปทุกกระทรวงแล้ว พร้อมยอมรับว่าการปฏิรูปของประเทศไทยมีปัญหา ทั้งเรื่องงบประมาณที่ไม่เพียงพอ และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 10 ปี แต่ก็ทะเลาะกันไม่เลิก ทุกคนอยากได้เหมือนกัน ซึ่งทั้งหมดต้องแก้ไขให้ได้ก่อนเลือกตั้ง ทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแมป 

“รัฐบาลชุดหน้าต้องทำแบบนี้ ต้องซื่อสัตย์ ต้องมีคุณธรรม และต้องทั่วถึง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ที่ผ่านมาจะเห็นว่าไม่มีความทั่วถึง เช่น ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน เป็นรัฐบาลและครม. ของคนทั่วประเทศ ไม่ใช่ให้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง รัฐบาลในวันข้างหน้าที่คาดหวังให้มันได้แบบนี้แล้วกัน ไม่ใช่ว่าผมทำดีที่สุด ดีเลิศ เราควรจะนำเวลานี้จนถึงก่อนเลือกตั้งมาคุยกัน”



ประยุทธ์ รัฐสภา 0180607115227.JPG


ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้ ไม่ใช่ทำลายล้างและลบไปหมด เช่นเดียวกับหลายโครงการที่ทำไปแล้วก็ถูกต่อต้าน สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างไม่สามารถเดินหน้าได้ นายกรัฐมนตรียังยอมรับ ว่าการแก้ไขปัญหาของประเทศมีอุปสรรค เพราะการจัดระเบียบคนไม่ชอบ มีผลต่อคะแนนเสียงเลือกตั้ง 

นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้ที่ประชุม สนช.ไปอ่านหนังสือการปฏิวัติอุตสหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งจะทำให้เห็นแนวทางว่าไทยขับเคลื่อน ซึ่งก่อนจะปิดการอภิปรายนายกรัฐมนตรี ได้ขอโทษ ที่อาจจะใช้ถอยคำไม่สุภาพ เพราะตนมีความเป็นมนุษย์สูงมีอารมณ์มีความรู้สึก หากจะวิจารณ์ตนเอง ก็ทำได้ แต่ขอให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวสรุป โดยใช้เวลาแถลงกว่า 1 ชั่วโมงเศษ


“ด่าผมได้ แต่หมิ่นตำแหน่งนายกฯไม่ได้ เพราะเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ถ้าผมยังเป็นนายกฯ อยู่ก็ระวังหน่อย ผมอยากรักษาตำแหน่งนี้ให้มีเกียรติ ไม่ใช่ไม่มีเกียรติ”