ไม่พบผลการค้นหา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันทำหน้าที่ต่อ ไม่สนใจแรงกดดัน เผยภรรยาโอนหุ้นให้ลูกชายแล้ว

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวยืนยันยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อแม้ กกต จะมีมติเสียงข้างมากให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี กรณีภรรยาถือครองหุ้นในบริษัทเอกชนเกินร้อยละ5 และยังไม่ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีหลังจากที่มีการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบในวันที่ 1 มิ.ย.และย้ำด้วยว่าหากจะลาออกจากตำแหน่งคงไม่มาร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ มาให้สื่อมวลชนซักถาม ซึ่งคำตอบทั้งหมดของตนเองอยู่บนใบหน้าแล้ว

ขณะเดียวกันไม่รู้สึกกดดันใดๆ กับที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้แสดงสปิริตลาออก พร้อมกล่าวด้วยว่าอย่าไปสนุกกับและคล้อยตามกับคำพูดที่คนอื่นเค้าว่าเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวเราและความจริงเท่านั้นและรอความชัดเจนจาก ปปช.

อย่างไรก็ตามขณะนี้ภรรยาได้โอนหุ้นบางส่วนให้กับลูกชายไปแล้ว ทำให้ถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 5 แต่จะโอนไปมากหรือน้อยเพียงใดตนไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัว 

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติเสียงข้างมากชี้ว่า ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากคู่สมรสถือครองหุ้นในธุรกิจอยู่เกินกว่าร้อยละ 5

S__46759978.jpg

โดยขอให้นายกรัฐมนตรี สั่งให้นายดอน หยุดปฎิบัติหน้าที่ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะยังไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดก็ตาม เพราะการที่ กกต. มีมติดังกล่าว แม้จะยังไม่เป็นทางการ แต่ก็สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่นายดอนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าภรรยาถือหุ้นเกินร้อยละ 5 และจากการตรวจสอบพบว่า ได้มีการถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ถึง 2 บริษัท จึงถือว่า เข้าข่ายขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี2560 ซึ่งหากส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ศาลก็จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน 

พร้อมกันนี้ นายเรืองไกร ยกตัวอย่างกรณีของนายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลมีคำวินิจฉัย ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีภรรยาถือหุ้นเกินร้อยละ 5 เช่นเดียวกับ 3 รัฐมนตรี ในรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ก็ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งทั้งหมด

ดังนั้นวันนี้อยากให้นายกรัฐมนตรี แสดงสปิริต และสั่งการให้นายดอน หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เพราะในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 4 เมษายน2560 นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทุกคน รับทราบตรงกันว่า การถือหุ้นเกินร้อยละ5 นั้น ขัดต่อกฎหมาย เพราะหลัง ประชุม ครม.เสร็จสิ้น ได้มีการแจกหนังสือเวียนให้รัฐมนตรีทุกคนรับทราบถึงข้อกฎหมายดังกล่าว

'วิษณุ' ย้ำกกต.ยังไม่ส่งเรื่องให้ศาล 'ดอน' ยังสามารถปฎิบัติหน้าที่ได้

วิษณุ.jpg


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เผยความคืบหน้า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ หลังที่มีกระแสกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งว่า ตนเองไม่ทราบรายละเอียดที่นายดอนได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา สำหรับขั้นตอนทั้งหมดเกี่ยวต้องกับกฎหมาย 3 มาตราคือ 187 ,170และ82 อธิบายภาพรวมได้ว่าถ้าพูดถึงการพ้นจากตำแหน่งหรือออกจะต้องไปออกเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งวินิจฉัยสุดท้ายซึ่งไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ เพราะขณะนี้ยังไม่มีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเลย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถึงขั้นที่ศาลจะสั่งพ้นหรือออกจากตำแหน่งนั้น จะมีกรณีก่อนเมื่อยื่นฟ้องศาลเขาอาจจะสั่งให้หยุดการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งการหยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่การออก และไม่ใช่การพ้นจากตำแหน่ง เพียงแต่เป็นการหยุดก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นมา ซึ่งตรงนี้ศาลอาจจะสั่งหรือไม่สั่งก็ได้ เป็นไปตามมาตรา82 ของรัฐธรรมนูญ 

ทั้งนี้ อยู่ที่ศาลว่าจะสั่งหรือไม่สั่ง ทั้งหมดแบ่งเป็น2ขั้นตอนคือ 1.เราจะมาเจอขั้นตอนแรกตอนฟ้องแล้วว่าศาลจะสั่งให้หยุดปฎิบัติหรือไม่ 2.หากเลยไปจนถึงขั้นศาลพิจารณาสืบพยานแล้วเห็นว่าผิดหรือไม่ผิดก็ไปชี้กันในตอนนั้น ส่วนระหว่างทางจากนี้ไปนายดอนจะคิดว่าจะขอหยุดปฎิบัติหน้าที่เอง หรือท่านจะขอลาออก หรือท่านจะอยู่ต่อไปก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน กฎหมายไม่ได้พูดอะไรในส่วนเหล่านี้ ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ระบุว่าทุกอย่างชัดเจนแล้ว มันต้องออกจากตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่งแล้วก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า ทำไมตอนที่กกต.ชี้ถึงมีเสียง 2 ต่อ2 จนสุดท้ายประธานกกต.ซึ่งต้องการให้ทุกอย่างเป็นบรรทัดฐาน จึงได้มาชี้ขาดมีเสียง3ต่อ2 อย่างนี้ก็แสดงว่ากกต.เองก็ยังมีข้อสงสัย เพราะเรื่องนี้จะมีความเกี่ยวพันกับส.ส.และรัฐมนตรีในอนาคตอีกจำนวนมาก็จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป

นายวิษณุ ย้ำจนถึงวันนี้ กกต.ยังไม่ได้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นศาลจะพิจารณาตามขั้นตอน รวมทั้งการสืบพยานต่างๆน่าจะใช้เวลาประมาณ1เดือน ตามปกติจะมีการถามมาตอบไป เพราะฉะนั้นขณะนี้ถือว่าทุกอย่างยังอยู่อย่างเดิม นายดอนก็มีเรื่องที่ต้องปฎิบัติเตรียมงานให้นายกฯเดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง ครั้งที่ 8 ซึ่งนายดอนต้องตระเตรียมข้อมูลให้เสร็จ และหลังจากปลอดโปร่งโล่งใจ แล้วนายดอนจะคิดและตัดสินใจอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน ตนพูดอะไรไม่ได้ยกเว้นข้อกฎหมาย

ส่วนตัวนายดอน เคยปรึกษาเรื่องนี้ มาก่อนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ แต่ตั้งแต่เมื่อข่าวออกมาตนเองก็มีภารกิจที่เชียงใหม่ไม่ได้เจอกัน ซึ่งวันนี้คงได้เจอกัน สำหรับตนก็ได้รายงานให้นายกฯรับทราบตามขั้นตอนไปหมดแล้ว ซึ่งนายกฯ ก็ทำอยู่3อย่างคือ พยักหน้า ส่ายหัว และยกหัวแม่มือให้ผู้สื่อข่าว

อ่านเพิ่มเติม