ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคเกษตรทำให้รัฐบาลนิวซีแลนด์ต้องแก้ไขกฎหมายการเข้าเมืองเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยอนุญาตให้ผู้เดินทางที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปทำงานในสวนผลไม้ เช่น สวนกีวี ในช่วงฤดูกาลการเก็บเกี่ยว
นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวว่า 'สิ่งสุดท้ายที่เราอยากให้เกิด คือ การที่ผลไม้มันสุกคาต้น หรือต้องปล่อยให้ผลไม้ร่วงหล่นลงบนพื้นดิน'
ทางรัฐบาลนิวซีแลนด์เสนอเงื่อนไขให้ผู้ที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปทำงานในสวนผลไม้ หรือ โรงงานบรรจุหีบห่อผลไม้ได้เป็นการชั่วคราว หลังจากที่ทางโรงงานและสวนผลไม้จำนวนมากต้องการแรงงาน โดยจะเสนอค่าจ้างขั้นต่ำให้ชั่วโมงละ 16.50 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือประมาณ 360 บาท
ปัจจุบัน นิวซีแลนด์ต้องการแรงงานเก็บกีวีอย่างเร่งด่วนกว่า 1,200 คน ขณะที่จำนวนผู้ว่างงานในพื้นที่ที่มีการปลูกกีวีนั้นมีถึง 6,000 คน แต่งานในสวนผลไม้ดังกล่าวกลับไม่ดึงดููดคนท้องถิ่นให้มาทำงานดังกล่าว เนื่องจากเงื่อนไขทางด้านค่าครองชีพและสวัสดิการต่างๆ ที่ไม่ตอบโจทย์กับการจ้างงาน
ไมค์ ไบรอัน เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นของนิวซีแลนด์ กล่าวว่า "ตอนนี้เรากำลังปรึกษากับทางรัฐบาลว่าจะมีวิธีการใดยบ้างที่จะดึงดูดแรงงานเข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมนี้ได้ โดยเฉพาะการปรับปรุงการจ้างงานที่มีคุณภาพ"
สจ๊วต เวสตัน ผู้จัดการบริษัทผลไม้ Apata กล่าวว่า การเพิ่มค่าจ้างแรงงานอาจจะไม่ได้ทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่เปลี่ยนแปลงมากนัก และทุกวันนี้ทางบริษัทส่งรถตู้ออกไปรับแรงงานจากเมืองต่างๆ เพื่อให้เข้ามาทำงานในโรงงานบรรจุสินค้าเกษตรและในสวนกีวีอยู่แล้ว
ปัจจุบัน ความต้องการกีวีทั่วโลกเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในจีนที่เป็นตลาดรองรับกีวีกว่า 19 เปอร์เซ็นต์จากปริมาณผลผลิตทั้งหมดในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมกีวีจะเติบโตถึง 135 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030 และจะมีมูลค่าตลาดกว่า 2.04 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ และจะต้องการแรงงานมากถึง 14,329 ตำแหน่ง
ที่มา: The Guardian
ข่าวที่เกี่ยวข้อง