ไม่พบผลการค้นหา
นักศึกษาต่างชาติสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ลดลง เนื่องจากค่าเล่าเรียนแพงและกังวลเรื่องความปลอดภัย

สำนักข่าว VOA ภาคภาษาไทยรายงานว่า จำนวนชาวต่างชาติสมัครเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ ลดลงจากปีก่อนๆ โดยรายงานประจำปีของ Open Doors ระบุว่า ช่วงปี 2016 - 2017 นักศึกษาต่างชาติสมัครเรียนลดลงประมาณ 10,000 คน ถือเป็นครั้งเเรกในรอบ 6 ปี ที่ตัวเลขนักศึกษาต่างชาติรายใหม่ที่เข้ามาเรียนในสหรัฐฯ ลดลง ขณะที่อัตราการเติบโตของจำนวนนักศึกษาจากจีนและอินเดียในมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ เริ่มคงที่แล้วจากช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราเติบโตของจำนวนนักศึกษาจีนและอินเดียสูงขึ้นอย่างมาก

ด้านนายอัลลัน กุดแมน ประธานสถาบันการศึกษานานาชาติหรือ IIE อธิบายว่า สาเหตุที่ทำให้นักศึกษาต่างชาติสนใจสมัครเรียนต่อในสหรัฐฯ ลดลงมาจากหลายปัจจัย โดยปัจจัยหนึ่งก็คือ ไม่สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนที่สูงได้ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ตัดลดงบประมาณโครงการสนับสนุนทุนการศึกษาเเก่นักศึกษาต่างชาติในสหรัฐฯ ส่งผลให้นักศึกษาจากซาอุดีอาระเบียสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ ได้ลดลงร้อยละ 14 เเละนักศึกษาบราซิลลดลงร้อยละ 32

นอกจากจะตัดลดงบช่วยเหลือแล้ว ค่าเล่าเรียนในสหรัฐฯ ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ปกครองของนักศึกษาต่างชาติตัดสินใจส่งลูกไปเรียนประเทศอื่นแทน ซึ่งปัจจุบัน ชาวต่างชาติก็มีตัวเลือกในการศึกษาต่อต่างประเทศที่หลากหลาย เพราะหลายประเทศกำลังแข่งกันดึงดูดคนที่มีความรู้ความสามารถระดับหัวกะทิไป เรียนและทำงานในประเทศของตัวเองกันมากขึ้น ทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส จีน และญี่ปุ่น ต่างก็เปิดหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น และค่าเล่าเรียนก็ถูกกว่าสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ความปลอดภัยเเละบรรยากาศการเมืองของสหรัฐฯ ในปัจจุบันก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ชาวต่างชาติสมัครเรียนในสหรัฐฯ น้อยลง โดยช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา มีทั้งเหตุประท้วงและความรุนแรงในมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ เช่น ช่วงที่กลุ่มชาตินิยมขวาจัดปะทะกับกลุ่มต่อต้านใกล้กับมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย