นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับวันแม่ 2561 คาดว่า จะมีปริมาณเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจช่วงวันแม่ปีนี้ จำนวน 13,746.80 ล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 5.3 ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 6 ปี
โดยมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 77.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะประชาชนเห็นว่าเป็นวันพิเศษ มีรายได้เพิ่มขึ้นและเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจกำลังจะดีขึ้น ถือเป็นสัญญาณบวก ว่าประชาชนมีความพร้อมในการใช้จ่ายมากขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวเกินร้อยละ 4.5 แม้จะมีสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ขณะที่การส่งออกและการท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/2561
สำหรับของขวัญยอดนิยมให้แม่ อันดับหนึ่ง คือเงินสดและทองคำ เฉลี่ย 4,778.9 บาท รองลงมา คือ พวงมาลัยและดอกไม้ เฉลี่ย 325.6 บาท และอันดับสาม คือ เครื่องบำรุงร่างกาย เฉลี่ย 1,612.7 บาท
กิจกรรมที่นิยมทำในวันแม่ อันดับหนึ่ง คือพาแม่ไปทำบุญ มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 2,141.6 บาท รองลงมาคือพาแม่ไปทานข้าว ใช้จ่ายเฉลี่ย 2,154.3 บาท อันดับสาม คือพาไปเที่ยวต่างจังหวัด ใช้จ่ายเฉลี่ย 4,615.1 บาท ขณะที่บางส่วนนิยมไปต่างประเทศมากขึ้น โดยประเทศที่นิยมไป ได้แก่ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และเยอรมัน โดยวางแผนเดินทาง 5-7วัน โดยออกเดินทางวันที่ 11 ส.ค. 2561 กลับวันที่ 17 ส.ค. 2561
สิ่งที่คุณแม่ต้องการจากลูก อันดับหนึ่งคืออยากให้ลูกเป็นคนดี รองลงมาคืออยากให้ลูกรักมากๆ และอยากให้ลูกกอดตามลำดับ ส่วนสิ่งที่ลูกจะทำในวันแม่ คือการมอบดอกไม้และกราบเท้าแม่ สวมกอดแม่และบอกรักแม่ ทำตามสิ่งที่แม่เคยขอไว้ตามลำดับ ด้านถ้อยคำที่จะพูดกับแม่ คือขอให้สุขภาพแข็งแรง ขอให้อายุยืนยาวและขอให้มีความสุข ตามลำดับ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปพบแม่ในช่วงวันแม่นิยมพูดคุยผ่านทาง LINE มากขึ้นถึงร้อยละ 55 รองลงมาคือโทรไปพูดคุยร้อยละ 30
ภาพจาก Photo by Dieter de Vroomen on Unsplash