ไม่พบผลการค้นหา
4 สาวงาม ผู้เข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 ที่น่าจับตามอง เปิดใจถึง 4 โครงการที่อยากขับเคลื่อนสังคม สอดคล้องกับคอนเซปต์ Beauty with a purpose ในการประกวดมิสเวิลด์ 2018
MTW

นิโคลีน-พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ ผู้เข้าประกวดหมายเลข 7 อายุ 19 ปี เธอต้องการสร้างการยอมรับความแตกต่างของคนในสังคมไทย ผ่านโครงการ Love for All เพื่อสร้างโรงเรียนฝึกอาชีพ และสอนการใช้ชีวิตประจำวัน ให้แก่เด็กด้อยโอกาส และเด็กออทิสติก ให้พวกเขามีโอกาสทำงาน และใช้ชีวิตเหมือนกับคนธรรมดา อีกทั้งยังสร้างความเข้าใจกับครอบครัวเด็ก ให้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับเด็ก และกระจายความเข้าใจนี้สู่สังคมต่อไป โดยเป้าหมายของโรงเรียนคือ Equality, Acceptance, และ Humanity

เหตุผลที่ต้องการผลักดันเรื่องนี้ เนื่องจากน้องชายของเธอเป็นเด็กออทิสติก เรียนรู้ช้า และมักจะถูกเพื่อนในโรงเรียนที่สหรัฐอมเริกาแกล้ง และไม่ยอมรับเขา ซึ่งเหตุการณ์ที่เธอยังจำมาจนถึงทุกวันนี้ คือ ช่วงที่มีกระแสข่าวคนพกปืนไปกราดยิงนักเรียนในโรงเรียน น้องถูกเพื่อนระแวงและแซววว่าจะพกปืนมาโรงเรียน ขณะเดียวกันคุณครูโทรกลับมาที่บ้าน แต่ไม่ได้รายงานว่าน้องถูกเพื่อนแกล้ง กลับถามแม่ของเธอว่าที่บ้านมีปืนหรือเปล่า? ทำให้เธอรู้สึกเสียใจแทนน้อง แม่ และครอบครัวที่ถูกคนในสังคมลดคุณค่า ทั้งที่ความเป็นจริงน้องชายของเธอเป็นคนจิตใจดี ทุกคนในครอบครัวให้่ความรัก ให้โอกาสเขาได้เรียน ได้เล่น และโอกาสทำในสิ่งที่ชอบเท่าๆกับเธอผู้เป็นพี่สาว และเธอก็พบว่าความสามารถพิเศษของน้องชายคือการเล่นเกมส์ และเขียนพล็อตเกมส์ ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะทางของเด็กออทิสติก เธอจึงต้องการจะผลักดันเขาให้ทำในสิ่งที่ชอบ แต่ก่อนอื่นต้องเริ่มจากการยอมรับในสังคม ไม่ใช่การแก้ปัญหาของครูที่เคยทำแบบนี้

"เราตีตราว่าคนนี้เป็นผู้หญิง เขาจะทำสิ่งนี้ไม่ได้ จบ คือ ทำไมเราจะต้องเอาชื่อว่าเขาป็นผู้หญิง เอาชื่อว่าเขาเป็นเด็กออทิสติก ทำไมเขาจะทำไม่ได้...เราถูกตีตรากันมาทุกคนแล้ว หนึ่ง LGBTQ คนข้ามเพศ เกย์ ไบเซ็กชวล เลสเบี้ยน และทุกอย่าง เราถูกตีตรากันหมดแล้ว แต่นิโคลอยากบอกว่านี่ปี 2018 แล้วนะ เราสมควรที่จะมีความเปลี่ยนแปลง เราสมควรที่จะอยู่กันทุกคน แบบไม่มีการตีตรา ไม่ให้สิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรค์ต่อการก้าวไปข้างหน้า"

นิโคลีน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2018 เราไม่ควรจะแปะป้ายว่าเขาคือคนพิการ คือ LGBTQ แต่ทุกคนควรจะเท่าเทียมกัน ไม่ควรเอาการแบ่งแยกนี้มาปิดกั้นโอกาสในการใช้ชีวิต และหากทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน โลกของเราก็จะน่าอยู่ และทุกคนก็จะสามารถดึงศักยภาพตัวเองออกมาใช้พัฒนาโลกของเราให้เจริญก้าวหน้าไปได้มากกว่านี้

MTW

แพรว-แพรววนิต เรืองทอง ผู้เข้าประกวดหมายเลข 12 อายุ 25 ปี เธอมองว่าปัญหาใหญ่ในสังคมคือ การเคารพสิทธิในร่างกายของบุคคล เพราะปัจจุบันมีข่าวการฆ่าข่มขืนเพิ่มมากขึ้น แต่จากผลการสำรวจมีแค่ 1 % ของเหยื่อเท่านั้นที่ออกมาแจ้งความ และ 10 % เท่านั้นที่จะเป็นข่าว เธอจึงตั้งคำถามว่าแล้วอีก 80-90 % ที่เหลือ บุคคลเหล่านั้นเขาหายไปไหน อาจเป็นเพราะเขาอาย หรือเขากลัวโดนทำร้าย และเสียชื่อเสียง จึงไม่กล้าออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง เธอจึงอยากเป็นกระบอกเสียงให้คนเหล่านั้นต่อสู้กับความกลัว แล้วออกมาปกป้องสิทธิ์ อีกทั้งอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการจัดการที่เข้มงวด มีหน่วยงานที่ให้ความรู้กับเหยื่อที่โดนกระทำให้สามารถเยียวยาทางจิตใจ และรักษาตัวหากติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เธอเล่าให้ฟังว่า สมัยเด็กๆ เธอเคยโดนแต๊ะอั๋งตอนไปเล่นน้ำ เทศกาลสงกรานต์จากกลุ่มผู้ชาย 2-3 คนรุมจับก้น หลัง และขาอ่อน แล้วพอเธอหันกลับไปมองด้วยความตกใจ กลุ่มผู้ชายเหล่านั้นก็กลับส่งเสียงและแสดงความชอบใจ จนเธอต้องนั่งลงไปในรถและไม่ลุกขึ้นมาอีกจนถึงบ้าน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอรู้สึกกลัว รู้สึกตกใจ และฝังใจจนไม่กล้าไปเล่นน้ำสงกรานต์อีกเลยจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาสิบกว่าปี

"ความรู้สึกมันยังคงแบบอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้ มันทำให้เรา... เราไม่รู้ว่าทำไมคุณต้องทำแบบนี้ คุณเป็นผู้ชายแล้วเราเป็นผู้หญิงอ่ะ อีกอย่างเราก็ยังเด็กอยู่ อะไรอย่างนี้ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ มันคือปมในใจที่แบบว่า ไม่ออกไปเล่นสงกรานต์อีกเลย เพราะว่าเรากลัวเรื่องนี้มากๆ มันไม่แฟร์สำหรับคนที่เป็นผู้หญิงอย่างเราๆที่จะต้องออกไป แล้วอยากสนุก แต่กลับไม่ได้สนุก ต้องมานั่งพะวงว่าแบบ เดินไปไหนแล้วจะมีคนมาจับโน่น นี่ นั่นไหม"

แพรว กว่าวว่า ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เธออยากให้ทุกคนเปิดกว้างทางความคิดเรื่องการแต่งกาย ว่ามันคือสิทธิ์ของผู้หญิงที่จะภูมิใจในสรีระของตัวเอง และอยากจะนำเสนอตัวเองออกมา ผู้หญิงควรมีสิทธิ์ที่จะแต่งตัวแบบไหนก็ได้ ไม่อยากให้มองว่าไปมองว่าการที่เขาใส่ขาสั้น ใส่สายเดี่ยว แล้วใครจะไปทำอะไรก็ได้

ทุกคนมีอิสระทางความคิดและการแต่งตัวของตัวเอง ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่ไม่มีสิทธิ์ลวนลามผู้หญิง แต่ผู้หญิงก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปลวนลามผู้ชาย หรือว่าจะเป็นเพศไหนๆ ทุกคนควรจะมีสิทธิและเคารพซึ่งกันและกัน

MTW

เลน่า-เฮเลน่า บุช ผู้เข้าประกวดหมายเลข 26 อายุ 22 ปี เล่าให้ฟังว่าพ่อของเธอทำงานกรมป่าไม้ ที่สวีเดน ครอบครัวจึงผูกพันกับป่า แม่ชอบเข้าไปเก็บเบอร์รี่ ส่วนเธอเองเวลามีเรื่องทุกข์ใจก็จะเดินเข้าไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในป่า เพื่อให้จิตใจสงบลง ประกอบกับเป็นคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับจักรวาล และกาแล็กซี เธอจึงเป็นคนที่รักดวงดาว รักธรรมชาติ และเข้าใจความเชื่อมโยงกันของโลกกับจักรวาล

เลน่า เล่าว่า ความรักธรรมชาติถูกปลูกฝังมาจากพ่อตั้งแต่เล็กๆ เช่น การทิ้งขยะ ตอนเด็กๆ เธอไม่รู้ว่าต้องทิ้งขยะตรงไหน ก็มักจะทิ้งขยะไม่ลงถัง ทิ้งไปมั่ว ซึ่งพ่อของเธอก็จะบอกว่าไม่ควรทำอย่างนี้ และคอยตามเก็บขยะทุกชิ้นที่เธอทิ้งนอกถังขยะ จนเธอรู้สึกละอายใจที่ต้องให้พ่อคอยตามเก็บขยะให้ ทั้งๆ ที่ตัวเธอเองสามารถทำได้ หลังจากนั้นมันจึงทำให้เธอมีนิสัยทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง

เลน่า กล่าวว่า ประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ นักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทย เพราะทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ดังนั้นเราจึงควรดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นความภูมิใจของคนในชาติไว้ ขณะเดียวกันการกระทำทุกอย่างของเรามีผลกระทบกับธรรมชาติ แม้หลายคนจะรู้สึกว่ามันไกลตัว แต่ที่จริงมันใกล้ตัวมาก เพราะมันอยู่ในวัฏจักรเดียวกัน อีกอย่างหนึ่ง เธอคิดว่า ถ้าหากเราสามารถรักสิ่งที่เราคิดว่ามันไม่มีชีวิต อย่างเช่น ต้นไม้ เราสามารถที่จะรักทุกสิ่งทุกอย่างได้ และสุดท้ายสิ่งที่เราทำจะส่งผลต่อลูกหลานของเราในอนาคต

"พอเราได้เห็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น เราก็รู้สึกเสียดาย เรากลัวว่าวันหนึ่งเราอาจจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย เราก็ต้องนึกถึงอนาคตของเราด้วย ไม่ใช่แค่นึกถึงปัจจุบัน เราก็ต้องนึกถึงว่าลูกหลานของเราจะอยู่อย่างไร คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เราทำนะคะ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้าเรา แล้วมันก็เกิดขึ้นจากความที่เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำมันมีผลกระทบกับโลกเรายังไง เลน่าก็อยากให้คนตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ เราต้องเริ่มปลูกฝังมันจากเด็กๆ"

อย่างไรก็ตาม เธอต้องการที่จะปลูกฝังเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับเด็กๆ ผ่านหลักสูตรการเรียนรู้ในโรงเรียน โดยเริ่มจากเรื่องง่ายๆ เช่น การทิ้งขยะ เป็นต้น เธอเชื่อว่าหากสอนให้พวกเขารักธรรมชาติ และฝึกการดูแลสิ่งแวดล้อมจนติดเป็นนิสัย โดยไม่ต้องบังคับ เด็กจะสามารถคิดและเข้าใจธรรมชาติขึ้นได้เอง

MTW

นิต้า-อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์ ผู้เข้าประกวดหมายเลข 27 อายุ 25 ปี สิ่งที่เธออยากผลักดันมากที่สุดคือ ค่านิยมการรับประทานอาหารในปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นว่าคนจำนวนมากทานอาหารเหลือ ประกอบกับธุรกิจขายอาหารแบบบุฟเฟต์มีการขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้อาหารที่เหลือทิ้งในกรุงเทพมหานครแต่ละวันมีปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกจากการทับถมของขยะอาหาร นอกจากนี้ การใช้วัตถุดิบผลิตอาหารสิ้นเปลือง หรือเกินกว่าความต้องการ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารในอนาคต หากประเทศไทยต้องประภัยภัยธรรมชาติ

โครงการ 'Food Waste for World' ที่เธอทำอยู่ทุกวันนี้ ต้องการสร้างค่านิยมให้กับคนเมืองรู้คุณค่าของอาหาร กินให้หมด และตักแต่พอดี ผ่านการรณรงค์ในระดับชุมชน และการรณรงค์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของคนดังในวงการบันเทิง เธอเชื่อว่าเมื่อเรารู้คุณค่าของอาหาร และกินแต่พอดี ก็จะทำให้มีอาหารกักตุนไว้ในยามขาดแคลน มีเงินเหลือเก็บ จากการทานอาหารให้คุ้มค่า อาหาร 1 จานสามารถทานได้มากกว่า 1 มื้อ และยิ่งไปกว่านั้นการแบ่งปันอาหารที่เกินความต้องการยังสามารถสร้างมิตรภาพอีกด้วย

นิต้า กล่าวว่า ประเทศไทยเอง สร้างค่านิยมในการรับประทานอาหารมาตั้งแต่เด็ก คือ การท่องบทกลอน "ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง..." ก่อนทานอาหาร ทำให้เด็กรู้คุณค่าอาหาร รู้คุณค่าของการกิน และคิดถึงเพื่อร่วมโลกที่ไม่มีกิน แต่เมื่อเติบโตขึ้นทุกคนอาจจะหลงลืมไป ในทางกลับกัน หากมองไปที่วัฒนธรรมต่างจังหวัด เช่น ลำปาง บ้านเกิดของเธอ ที่สอดแทรกวิธีคิดเรื่องคุณค่าอาหาร นั่นคือ 'แกงโฮะ' ที่เกิดจากการเอาอาหารเหลือมารวมกัน เช่น แกงเผ็ด ต้มวุ้น และแกงฮังเล จนเกิดเป็นอาหารใหม่ ที่ร่วมกันทานได้ทั้งครอบครัว

"ถ้าวันหนึ่ง เราเอาอาหารที่กินไม่หมด ไปแช่ไว้ในตู้เย็น แล้วเอากลับมากินอีกรอบก็จะสามารถประหยัดเงินได้ สมมติว่า 15 บาท 3 มื้อก็ 45 บาท แล้วคิดดูว่าเดือนนึงจะได้เท่าไหร่ ปีนึจะได้เท่าไหร่ เราจะสามารถเก็บเงินตรงนั้นไว้ได้เท่าไหร่ แล้วเราก็สามารถเอาเงินตรงนั้นไปส่งลูกเรียนบ้าง ไปพัฒนาในด้านอื่นๆได้ ถ้าเรามองภาพใหญ่จะเห็นว่าเงินตรงนี้สามรถนำไปพัฒนาอย่างอื่นได้อีกเยอะเลยค่ะ"

MTW

ส่วนการแข่งขันรอบตัดสินจะมีขึ้นในวันที่ 15 ก.ย. 2561 ที่พาลาเดี่ยม ฮอลล์ โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ เวลา 20.30 น. ซึ่งสาวงามผู้ชนะเลิศการประกวดจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวด Miss World 2018 ที่เมืองซานย่า ประเทศจีน ในช่วงปลายปีนี้