ไม่พบผลการค้นหา
การต่อสู้ระหว่างกองทัพเมียนมาและกลุ่มติดอาวุธในรัฐกะฉิ่นดำเนินมากว่า 1 เดือน รัฐบาลกลางมีคำสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่ แต่กองทัพเมียนมายังไม่เปิดทางอย่างเต็มที่ โดยอ้างเหตุผลเรื่องความปลอดภัย

กลุ่มนักศึกษาและประชาชนจำนวนมากรวมตัวกันที่เมืองมิตจีนา เมืองเอกของรัฐกะฉิ่น ทางภาคเหนือของเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.เป็นต้นมา เพื่อเรียกร้องให้กองทัพและรัฐบาลกลางเมียนมาเร่งอพยพประชาชนออกจากเมืองตะไนย์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงเขตปะทะต่อสู้ระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพเอกราชกะฉิ่น หรือ KIA นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงรอบใหม่เมื่อต้นเดือน เม.ย.เป็นต้นมา

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว 'ทรานส์บอร์เดอร์นิวส์' รายงานว่าทาง KIA ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.โดยระบุว่า KIA จะปฏิบัติการรบแบบกองโจรเพื่อตอบโต้กองทัพเมียนมาที่เข้าโจมตีและบุกยึดพื้นที่ป่าทางเหนือของรัฐกะฉิ่น ซึ่งเป็นเขตเหมืองทองและเหมืองอำพันในพื้นที่ควบคุมของ KIA เมื่อเดือน ม.ค. และประกาศว่าจะชิงพื้นที่แห่งนี้คืนจากกองทัพเมียนมา

ขณะที่สำนักข่าวกะฉิ่นนิวส์กรุ๊ป (KNG) รายงานว่าเหตุปะทะต่อสู้ในรัฐกะฉิ่นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ หรือ IDP เป็นจำนวนกว่า 4,000 คน โดยส่วนใหญ่ต้องอพยพจากบ้านเรือนและหนีเข้าป่าเพื่อไม่ให้ถูกลูกหลงจากการปะทะต่อสู้ และอีกบางส่วนอพยพไปอยู่บริเวณชายแดนรัฐกะฉิ่นที่ติดกับประเทศจีน 

สื่อท้องถิ่นหวั่นชาวบ้านถูกใช้เป็น 'โล่มนุษย์' 

สหประชาชาติออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ระบุว่าประชาชนในรัฐกะฉิ่นได้รับผลกระทบและตกอยู่ในอันตราย จึงเรียกร้องให้รัฐบาลกลางและกองทัพเมียนมาอนุญาตให้องค์กรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ และรัฐบาลกลางเมียนมาก็มีคำสั่งให้กองทัพเปิดทางแก่องค์กรต่างๆ เข้าช่วยเหลือกลุ่ม IDP และผู้ที่ตกค้างในพื้นที่ แต่ไม่ได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่ เนื่องจากกองทัพเกรงว่าจะกระทบต่อการข่าวและความปลอดภัยในเขตปะทะต่อสู้

อย่างไรก็ตาม องค์กรเอกราชกะฉิ่น หรือ KIO ซึ่งเป็นฝ่ายการเมืองของ KIA ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (7 พ.ค.) ว่า KIA จะไม่ขัดขวางการส่งความช่วยเหลือหรือการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ ส่งผลให้กองทัพเมียนมาอนุญาตให้มีการอพยพประชาชนจากหมู่บ้านหล่ายนองกู่ประมาณ 130 คน

นาย นอว์ ดิน บรรณาธิการสำนักข่าว KNG เปิดเผยกับ 'วอยซ์ออนไลน์' ว่า การอพยพประชาชนออกจากพื้นที่สู้รบ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือกลุ่ม IDP ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่กองทัพเมียนมากลับไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มองค์กรความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นการขัดคำสั่งรัฐบาลกลางเมียนมาอย่างชัดเจน สะท้อนภาพความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลพลเรือนและกองทัพเมียนมา

นอกจากนี้ นอว์ ดิน ยังระบุด้วยว่าหากมีเสียงเรียกร้องจากนานาประเทศก็จะช่วยกดดันให้กองทัพเมียนมาพิจารณาเปิดทางช่วยเหลือประชาชนพลัดถิ่นในรัฐกะฉิ่นได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะท่าทีจากประเทศที่มีอิทธิพลกับเมียนมาอย่างจีน หรือประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นาน เกรงว่าประชาชนอาจถูกใช้เป็น 'โล่มนุษย์'  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: