ไม่พบผลการค้นหา
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ นำผู้ปกครองพลทหารกองพันเสนารักษ์ กรมสนับสนุนกองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี ร้องนายกรัฐมนตรีเรื่องอาหารของทหารเกณฑ์ด้อยคุณภาพ กินต้มผักซี่โครงไก่ทุกมื้อ ไล่ทหารกลับบ้านหลังฝึกเสร็จ 3 เดือน หากใครไม่กลับถูกตั้งข้อหาหนีทหาร

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมด้วยนางลดาวรรณ ศรีไชยยันต์ ผู้ปกครองของพลทหารปิ่นเพชร ศรีไชยยันต์ ทหารเกณฑ์จากกองพันเสนารักษ์ กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี เข้ายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล

เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบพันโทเอกลักษณ์ แพ่งกูล ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ 9 เรื่องการทุจริตจัดซื้ออาหารเลี้ยงทหารเกณฑ์ ที่มีเพียงแกงจืดต้มฟักซี่โครงไก่ เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีเครื่องปรุงรส หรือ พริกน้ำปลา ซึ่งหญิงคนสนิทของพันโทเอกลักษณ์ เป็นผู้รับเหมา และเมื่อฝึกครบ 3 เดือนตามกำหนด ให้พลทหารกลับบ้านและไม่ต้องมาฝึกอีก แต่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ 

ต่อมาเมื่อพลหทารปิ่นเพชรและเพื่อนกลับเข้าไปที่กองพันเสนารักษ์ฯ ก็ถูกไล่กลับบ้าน ซึ่งหากใครไม่ยอมกลับก็จะถูกซ่อม จนทำให้บุตรชายของตนและพวก รวม 5 คน ทนไม่ไหวและหนีออกจากค่าย และถูกต้องขอกล่าวหาหนีทหาร ซึ่งจะครบปลดประจำการเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งพฤติกรรมทั้งสองอย่างเข้าข่ายทุจริต และได้ประโยชน์จากเบี้ยเลี้ยง และเงินเดือนจากทหารเกณฑ์หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ไปร้องเรียนกับกระทรวงกลาโหมและกองทัพบกมาแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ และยังให้พลทหารปิ่นเพชรกับพวก ถูกแทงเรื่องว่าหนีทหาร ทำให้หมดอนาคตในการทำงาน

ดังนั้น จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบ ข้อเท็จจริง และให้พลทหารที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาหนีทหาร พ้นข้อกล่าวหาให้ปลดประจำการตามกำหนด เพราะจะทำให้เสียอนาคต และยืนยันต้องการตรวจจสอบทุกค่ายทหาร ว่ามีแสวงหาผลประโยชน์กับพลทหารในลักษณะนี้หรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่องพันโทเอกลักษณ์ ได้ย้ายมาประจำการที่กองทัพบก และบังคับกองพันคนใหม่ ซึ่งได้เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องอาหารและการฝึกแล้ว จนเป็นที่น่าพอใจแล้ว แต่ในส่วนปัญหาพลทหารปิ่นเพชรและเพื่อน ที่ออกมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าว ยังไม่ได้รับการแก้ไข ยังถูกกล่าวหาว่าหนีทหาร


ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่าพลทหารปิ่นเพชร ศรีไชยยันต์ เป็นทหารกองประจำการ ตั้งแต่ ๑ พฤศจิกายน 2559 ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการทางกฎหมายจากกรณีหนีราชการ ตั้งแต่ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยที่ผ่านมามารดาได้เคยเข้าร้องเรียนขอให้กองทัพบกตรวจสอบว่า หน่วยต้นสังกัดมีการอนุญาตให้บุตรชายลาพักระหว่างประจำการอย่างไม่ถูกต้อง และกองทัพบกได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามการร้องเรียนและได้แจ้งผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการไปยังมารดาของ พลทหาร ปิ่นเพชรฯ ให้รับทราบแล้ว ตั้งแต่ พฤษภาคม 2561

 อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการร้องเรียนเกิดขึ้นอีก กองทัพบกจะได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง โดยเฉพาะในประเด็นด้านคุณภาพชีวิตของทหารกองประจำการ  และการบริหารจัดการกำลังพลในอดีตที่ผ่านมาของกองพันที่ถูกกล่าวถึง ทั้งนี้ กองทัพบกให้ความสำคัญกับการดูแลทหารกองประจำการ มีการจัดทำ โครงการคุณภาพชีวิตของทหารกองประจำการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากพบว่า หน่วยมิได้ดำเนินการตามแนวนโยบายดังกล่าว จะได้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบต่อไป 

ส่วนกรณีขาดราชการเกินกำหนด จนทำให้หน่วยต้องดำเนินการตามระเบียบคือ จำหน่ายหนีราชการตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2560 และส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับได้ดำเนินการส่งคืนเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือนให้กับกระทรวงการคลัง ตามระเบียบของทางราชการเรียบร้อยแล้ว  นั้น ในคดีหนีราชการ มีความจำเป็นที่ พลทหารปิ่นเพชรฯ จะต้องกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยกองทัพบกพร้อมให้ความเป็นธรรมตามข้อเท็จจริง

ทั้งนี้กองทัพบกเข้าใจในความรู้สึกของมารดา ที่มีความเป็นห่วงบุตรชาย รวมถึง พลทหาร ปิ่นเพชรฯ ก็ถือว่าเป็นกำลังพลของกองทัพบก ที่หน่วยต้นสังกัดได้ให้การดูแลอย่างเหมาะสม และการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ตามกฎระเบียบของทางราชการ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ข้อยุติ ยืนยันว่าที่ผ่านมาหากมีการร้องเรียนไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ กองทัพบก จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ภายใต้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: