ไม่พบผลการค้นหา
ทันทีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรับรองให้เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล ไฟแห่งความโกรธของชาติอิสลามพุ่งสูงขึ้นในทันที

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการเมื่อ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้ชาวปาเลสไต์ในฝั่งเวสต์แบงก์ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับนครเยรูซาเลมฝั่งตะวันออกได้รวมตัวประท้วงจุดไฟเผารูปภาพนายทรัมป์ และประกาศว่าจะต่อต้านมติดังกล่าวของสหรัฐฯ จนถึงที่สุด 

เกิดการชุมนุมในหลายพื้นที่ทั้งนอกจากที่เวสต์แบงค์แล้ว ยังมีการชุมนุมประท้วงที่ด้านหน้าสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกีด้วย กลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกันบริเวณสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงอังการา และสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาประจำนครอิสตันบูล หรือจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว?

ทรัมป์กำลังจะทำลายสันติภาพในอิสราเอล-ปาเลสไตน์

ผู้สื่อข่าววอยซ์ทีวีพูดคุยกับ อ.อาทิตย์ ทองอินทร์อาจารย์ประจำ คณะรัฐศาสตร์ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต เล่าที่มาความขัดแย้งแบบย่อๆว่าดินแดนดังกล่าวมีความคลุมเครือตั้งแต่หลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่1 ที่อาณาจักรออตโตมันล่มสลาย ส่วนมากพื้นที่แถบนี้จะเป็นอาณานิคมของอังกฤษ-ฝรั่งเศส ปัญหาเริ่มเมื่ออังกฤษพาชาวยิวเข้ามาตั้งรกรากในดินแดนนี้ที่มีชาวปาเลสไตน์อาศัยดั้งเดิม โลกอาหรับมองว่าเป็นปัญหาที่จักรวรรดินิยมตะวันตกส้รางไว้

บทบาทของสหรัฐฯที่ผ่านมาคือการเป็นมหามิตรกับอิสราเอลโดยใช้เป็นฐานในการต่อต้านการก่อการร้ายในพื้นที่ อาทิตย์เล่าว่าก่อนหน้านี้โลกอาหรับพ่ายแพ้ "สงคราม6วัน" ให้กับอิสราเอลทำให้ต้องเกิดการเจรจาต่อรองแต่ก็ไม่เคยมีความชัดเจนใดในพื้นที่ดังกล่าว กรณีที่ทรัมป์เซ็นรับรองให้อิสราเอลได้เมืองหลวงคือเยรูซาเลม และสหรัฐฯเปิดทางจะย้ายสถานทูตไปตั้งที่นั่นกลายเป็นเรื่องร้อน เพราะถึงแม้ก่อนหน้านี้แนวคิดจะเป็นของ จอร์จ เอช.บุช แต่ก็ไม่มีใครกล้ารับรองทางนิตินัยเช่นนี้ ทุกรัฐบาลต่างเซ็นเลื่อนกำหนดการรับรองไปเรื่อยจนมาถึงสมัยทรัมป์

อาทิตย์ชี้ว่าสาเหตุที่ทรัมป์รับรองเยรูซาเลมสหรัฐฯได้ไม่คุ้มเสีย ทรัมป์อาจทำไปเพื่อพิสูจน์ความเชื่อและโลกทัศน์ในแบบของเขา รวมไปถึงการเอาใจฐานเสียงที่เป็นชาวยิวและคริสเตียนที่อาศัยในสหรัฐฯ ในมิติความมั่นคงคือการซื้อใจอิสราเอลให้เ็นแนวป้องกันภัยก่อการร้ายIS และอิหร่านซึ่งถึงแม้จะมีหลายฝ่ายทักท้วงทั้ง CIA กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯและกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯก็ไม่สามารถทัดทานได้


18451622_1713369242026249_460322049409339678_o.jpg


สิ่งเหล่านี้ทำให้ทรัมป์เองอาจจะเจอแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก อาทิตย์ชี้ว่าถ้าเหตุการณ์บานปลายทรัมป์จะเจอแรงกดดันจากการเมืองภายในทั้งกลุ่มพรรครีพับลิกันที่ไม่ชื่นชอบแนวทางของทรัมป์และพรรคเดโมแครต ส่วนภายนอกชนวนในครั้งนี้จะทำให้ชาติมหาอำนาจอาหรับไม่พอใจอย่างมาก แม้กระทั่งมิตรประเทศอย่างชาติในยุโรปก็ไม่สามารถเข้าใจการตัดสินใจของทรัมป์ได้

แต่ลึกอาทิตย์ คิดว่าทรัมป์มีความมั่นใจว่าจะรับมือถานการณ์ได้อยู่โดยเฉพาะเหตุก่อการร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือกระบวนการสันติภาพของงอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่ทรัมป์บอกจะเดินหน้าต่อไปนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะจากเดิมหลักคิดคือ "1พื้นที่ 2รัฐ" ทรัมป์ทำให้กลายเป็น "1พื้นที่1รัฐ" สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปคงต้องจับตาใกล้ชิด