แอปเปิลโพสต์ข้อความแถลงการณ์ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ apple.com เพื่อขอโทษผู้บริโภคกรณีออกมายอมรับว่าทางบริษัทจงใจให้ผู้ใช้งานอัพเดทระบบปฏิบัติการ iOS 10.2.1 เพื่อทำให้ระบบภายในของไอโฟนรุ่น iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone 6s, iPhone 6s Plus และ iPhone SE ทำงานช้าลงเพื่อเหตุผลในการรักษาประสิทธิภาพของแบตเตอร์รีแบบลิเทียมไอออนให้ไม่ทำงานเกินประสิทธิภาพจนเกิดการปิดเครื่องเอง
เพื่อเป็นการขอโทษลูกค้าและสาวกไอโฟนทั่วโลก แอปเปิลประกาศลดราคาการเปลี่ยนแบตเตอร์รีใหม่ลงราว 60% คือจากเดิมอยู่ที่ราคา 79 ดอลลาร์ หรือราว 2,577 บาท ลงมาอยู่ที่ 29 ดอลลาร์ หรือราว 946 บาท ตลอดปี 2018 และราคาจะกลับมาอยู่ที่ 79 ดอลลาร์เช่นเดิมในเดือนมกราคม ปี 2019
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ไอโฟนทั่วโลกโดยส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเดียวกันว่าการที่แอปเปิลนั้นปล่อยระบบปฏิบัติการ iOS ใหม่ออกมาเรื่อยๆเพื่อให้ผู้ใช้งานอัพเดทคือการบังคับผู้บริโภคให้ซื้อไอโฟนรุ่นใหม่ทางอ้อม เพราะประสิทธิภาพการทำงานของโทรศัพท์ที่ช้าลงอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถทนใช้ได้อีกต่อไป
ขณะนี้มีผู้ใช้ไอโฟนในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย มลรัฐอิลลินอยส์ และมลรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ได้ทำการยื่นฟ้องบริษัทแอปเปิลเรียบร้อยแล้วรวมทั้งสิ้น 8 คดี ในฐานะตัวเเทนสาวกแอปเปิลหลายล้านคนโดยกล่าวหาว่าแอปเปิลจงใจหลอกลวงผู้บริโภคด้วยการทำให้ไอโฟนรุ่นเก่าทำงานช้าลง โดยไม่มีการแจ้งผู้ใช้งานให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งนอกจากในสหรัฐฯเอง ขณะนี้ก็มีผู้ยื่นฟ้องในอิสราเอลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแล้วเช่นเดียวกัน โดยผู้เสียหายเรียกร้องขอคืนเงิน และบางคนก็ได้เรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมโดยไม่มีการเปิดเผยจำนวน
ในแถลงการณ์ขอโทษของบริษัทแอปเปิลมีการระบุไว้ว่าฟีเจอร์ที่ถูกตั้งค่าให้การทำงานของไอโฟนช้าลงจะยังคงอยู่ในระบบ iOS ของไอโฟนต่อไป และ iOS รุ่นใหม่ที่แอปเปิลกำลังจะปล่อยออกมาเพื่อให้ผู้ใช้ไอโฟนได้อัพเดตนั้นจะทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสภาพการทำงานภายในของไอโฟนได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุไว้ว่าผู้ใช้ไอโฟนสามารถปิดระบบการตั้งค่าที่ทำให้ไอโฟนทำงานช้าลงได้หรือไม่