นายพรชัย ฐีระเวช โฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า ล่าสุด สศค. ได้ส่งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน ไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อบรรจุเข้าวาระการพิจารณาแล้ว หลังจากที่ได้เปิดรับฟังความเห็นจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในช่วงก่อนหน้านี้ (ประมาณปลายปี 2560)
ทั้งนี้ หลังจากรับฟังความคิดเห็นในร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว สศค.ได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากร่างกฎหมายดังกล่าว โดยในเชิงบวก คือ ทำให้ภาครัฐ สามารถบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลาหนึ่งของสถาบันการเงิน รวมทั้งจัดทำระบบการค้นหาข้อมูลออนไลน์ และเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่บุคคลเจ้าของบัญชีเงินฝากเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหว และเป็นการอำนวยความสะดวก ให้บุคคลเจ้าของบัญชีเงินฝากหรือทายาท ตามกฎหมายสามารถสืบค้นเพื่อขอเงินคืนได้
ด้านผลกระทบในเชิงลบ คือ ประชาชนอาจจะเข้าใจผิด ว่าเป็นเงินฝากทุกประเภท ไม่ทราบระยะเวลา การไม่เคลื่อนไหวบัญชีเงินฝากที่กำหนด เป็นต้น
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางการสื่อสารกับประชาชนทั่วไปและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่า หมายถึง บัญชี เงินฝากที่เป็นเงินบาท โดยเป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของบุคคลที่เปิดบัญชีกับสถาบันการเงินเท่านั้น ไม่รวมถึงบัญชีเงินฝากประจำ บัญชีเงินฝากเพื่อประกันการชำระหนี้กับสถาบันการเงิน บัญชีเงินฝากเพื่อประกันการชำระหนี้ของบุคคลอื่นตามคำสั่งของบุคคลเจ้าของบัญชี บัญชีเงินฝากที่ถูกยึดหรืออายัด ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีหรือตามคำสั่งศาล
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีการประเมินกันว่า บัญชีเงินฝากที่ไม่เคลื่อนไหวเกินกว่า 10 ปี มีมูลค่ารวมกันประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นเงินฝากที่มีเงินอยู่ในบัญชีไม่เกิน 2,000 บาท และต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีให้ธนาคาร ซึ่งกระทรวงการคลังจะนำเงินจำนวนนี้มาเก็บรักษาไว้แทน
ข่าวเกี่ยวข้อง :