ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ เดือดหลังถูกชาวประมงกดดันให้แก้กฎหมายเกี่ยวกับประมง ระหว่างลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เปิดงานตลาดกลางปศุสัตว์ พร้อมผุดไอเดีย��ลุกชาวใต้ปลูกมะพร้าวทุกบ้านเอาไว้ขาย ย้ำแก้ไฟใต้ขึ้นอยู่ประชาชน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการที่ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อเวลา 11.00 น. โดยร่วมงานตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับประชาชนว่า วันนี้ที่เดินทางมาเพื่อต้องการทำความเข้าใจนโยบายของรัฐบาล ไม่ได้มาหาเสียง ซึ่งในส่วนจังหวัดชายแดนภาคใต้มีการกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินเป็น 6 ภาค และมีจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 จังหวัดและ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้แนะนำตัวรัฐมนตรีที่เดินทางมาด้วย โดยย้ำว่างานด้านความมั่นคงดีขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปเศรษฐกิจก็จะดีตามมา จึงขออย่ารังเกียจทหาร เพราะเลือดสีเดียวกันทั้งนั้น อีกทั้งทุกคนต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและขัดแย้งกันอีกไม่ได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งหมดที่จะเป็นคนยุติทุกอย่างได้ จะใช้กฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ขณะเดียวกันยังยืนยันรัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องยางพาราอย่างเต็มที่ไม่เคยบิดเบือนข้อมูล แต่ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าการแก้ปัญหาต้องค่อยเป็นค่อยไป และต้องดูตลาดโลกด้วย พร้อมสั่งการให้มีการตรวจสอบสต๊อกยางที่มีอยู่ทั้งหมดว่ามีจำนวนเท่าไร และใช้ยางในประเทศให้มากขึ้นเป็นแสนตันให้ได้โดยเร็ว พร้อมยอมรับว่าภาคการเกษตรราคาตกต่ำลงจริง และต้องแก้ปัญหาต่อไป ทั้งนี้ ยังสั่งการให้ทุกกระทรวงร่วมมือกันใช้ยางพาราปูอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะในอ่างเก็บน้ำที่เก็บน้ำไม่อยู่ หากไม่ทำจะถือว่าไม่ปฏิบัติตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ปลูกมะพร้าวทุกบ้าน วันหน้าจะขายได้และมีกำไร ปลูกไว้ไม่กี่ปีก็โตแล้ว และกลายเป็นสมบัติให้แก่ลูกหลานได้ ทุกวันนี้เราผลิตไม่พอ แต่รับจากต่างประเทศมาแปรรูป บางสวนเลิกทำก็ปล่อยมะพร้าวร่วงลงดิน เกิดปัญหาหนอนหัวดำ ตนขอสั่งการให้ตรวจสอบบ้านใดต้นกำเนิดหนอนหัวดำจะสั่งปรับ ขอให้ดูแลสวนด้วย

ส่วนหน้าที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นขอให้อย่าคิดถึงแต่เรื่องการเตรียมการเลือกตั้ง แต่หากจะเตรียมก็เตรียมได้ แต่ขอให้ทำเพื่อประชาชนก่อน ช่วยทำในสิ่งที่รัฐบาลทำให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ถ้าหากอยู่ต่อก็ต้องช่วยกันทำแต่ตนก็ไม่เข้าไปแทรกแซง ส่วนการเดินหน้าประชาธิปไตยก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ขอให้เลือกคนเหมาะสม มีวิสัยทัศน์ ทำงานตรวจสอบการทุจริต อย่าเลือกแต่คนที่สัญญาไว้ เพราะอาจทำได้แต่ผิดกฎหมายหรืออาจมีกระทบต่องบประมาณของประเทศ

"เด็กๆ สมัยนี้หมกหมุ่นกับหน้าตาตัวเอง แทนที่จะกลัวเจ็บป่วย แต่นี่ก็เหมือนป่วยที่ว่ากลัวตัวเองไม่สวย แต่ทุกคนสวย แต่สวยอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ขอให้สวยด้วยความดี ที่ผ่านมาเราหยิบวัฒนธรรม ต่างชาติเข้ามาแต่หยิบแต่สิ่งไม่ดี อย่างไรก็ตามตนไม่เคยว่าใครมีแต่ชมว่าคนใต้น่ารัก ยิ้มได้เมื่อภัยมาแต่ต้นไม่ใช่ภัยของท่าน"

จากนั้นนายกรัฐมนตรี เดินชมนิทรรศการภายในงาน ระหว่างนั้นนายภรัณยู เจริญ อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดปัตตานี อาชีพทำการประมงได้ร้องเรียนนายกรัฐมนตรีให้ช่วยแก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการทำประมงที่กำหนดให้ ชาวประมง สามารถออกเรือไปทำประมงได้ 220 วันต่อปี ซึ่งถือว่าน้อยเกินไปทำให้ผู้ประกอบอาชีพประมงประสบกับภาวะขาดทุน เป็นหนี้สินจากต้นทุนที่สูงขึ้น อยากให้แก้กฎหมายเพิ่มวัน ระหว่างอธิบายนายภรัณยูได้ใช้เสียงดังเพื่อเเข่งกับเสียงของนายกฯ ที่พูดผ่านไมโครโฟน ทำให้นายกฯ ไม่พอใจตวาดนายภรัณยู และขอให้ใจเย็นๆ ไม่ควรมาขึ้นเสียงกับตน พูดดีๆ ก็ได้ ตนพร้อมรับฟังปัญหา แต่ต้องดูผลกระทบภาพรวมเรื่องประมงและการส่งออกด้วย หากขัดระเบียบกฎเกณฑ์ของต่างประเทศ 

ทั้งนี้ นายภรัณยู อธิบายกับเลขาธิการนายกฯ ถึงการส่งออกสินค้าประมงบางชนิดที่ไม่สามารถส่งออกไปยังประเทศสหภาพยุโรปหรืออียูได้ เมื่อถึงตรงนี้เลขาธิการนายกฯ แนะนำว่าให้ไปพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดและเขียนคำร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรม


นายกเดือด titled.jpgประมง นายกน titled.jpg