ไม่พบผลการค้นหา
หัวเรือ 'กูเกิล ชอปปิง' นำเสนอโมเดลไม่คิดค่าธรรมเนียมผู้ประกอบการ หวังดึงร้านค้าเข้ามาฝากสินค้ามากขึ้น ตั้งเป้าขึ้นเป็นค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่

'บิล เรดี' ประธานธุรกิจการค้าของกูเกิล ประกาศผ่านบล็อกโพสต์เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ถึงแผนพัฒนาฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ประกอบการของแพลตฟอร์มให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้เพิ่มขึ้นและลดค่าใช้จ่ายที่ผู้ประกอบการทั่วไปต้องเผชิญ 

ฟีเจอร์ล่าสุดบน 'กูเกิล ชอปปิง' หวังเข้าไปตีตลาดการค้าออนไลน์ผ่านโมเดลธุรกิจที่ไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชันจากผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ที่นำสินค้ามาแสดงบนเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันค่าคอมมิชชันบน 'กูเกิล ชอปปิง' ที่ร้านค้าทั่วไปต้องจ่ายมีอัตราร้อยละ 5-15 จากราคาสินค้า

แอมะซอน-คลังสินค้า

นอกจากนี้กูเกิลยังเข้าไปร่วมมือกับ PayPal แพลตฟอร์มชำระเงินภายนอก และ Shopify ระบบจัดการคำสั่งซื้อ ในการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ค้าที่ไม่ต้องการใช้ระบบหลังบ้านของกูเกิล 

ในบทความชิ้นล่าสุดจากหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ ผู้เขียนชี้ว่าความพยายามของกูเกิลในการแข่งขันกับแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์อันดับหนึ่งของโลกอย่าง 'แอมะซอน' มีมาตั้งแต่ช่วงปี 2556 ที่กูเกิลเริ่มสร้าง 'กูเกิล ชอปปิง เอ็กเพรส' บริการส่งสินค้าภายในวันเดียวกันโดยไม่คิดค่าขนส่งที่ผู้ใช้บริการต้องสมัครสมาชิกรายปี ราคา 95 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,000 บาท พร้อมความพยายามในการทำตัวเองเป็นแพลตฟอร์มส่งสินค้าของชำต่างๆ ซึ่งต่อมากูเกิลก็ล้มความพยายามดังกล่าวไป

ด้านกูเกิลเอ็กเพรสพัฒนาต่อจนกลายไปเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่มีบริษัทค้าปลีกชื่อดังทั้ง Target และ Best Buy รวมไปถึง Walmart ที่เข้ามาร่วมในปี 2560 ก่อนจะถอนตัวไปอย่างรวดเร็วในภายหลัง โดยปีที่แล้วกูเกิลเพิ่งออกมาปรับ 'กูเกิล เอ็กเพรส' อีกครั้งในชื่อ 'กูเกิล ชอปปิง'

ผู้เขียนยังชี้่ว่า ความพยายามของหัวเรือใหม่อย่าง 'บิล เรดี' ซึ่งเป็นอดีตซีอีโอของ PayPal จะทำให้แพลตฟอร์มของกูเกิลกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการในการนำสินค้ามาผูกไว้ หลังจากก่อนหน้านี้ กูเกิลตามหลังค้าปลีกออนไลน์อื่นๆ มาตลอดตั้งแต่ก่อนมีวิกฤตโรคระบาดด้วยซ้ำ

อ้างอิง; NYT, Engadget, Reuters