เวลา 22.50 น. เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2563 ที่ท้องสนามหลวง แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้จัดกิจกรรม 19 ก.ย.ทวงอำนาจคืนราษฎร โดย อานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า ตนไม่มีทางคุกเข่าให้เผด็จการแน่นอน ถ้าจะติดคุก เพราะยืนยันในความยุติธรรมตนก็ยอม พร้อมฝากไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถ้ามีคำตัดสินว่าการปราศรัยว่าตนและผู้ร่วมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. เป็นการล้มล้างมันก็เป็นจะเช่นนั้นเช่นกัน
อานนท์ ระบุว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องว่าตนชุมนุมปราศรัยเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ขอฝากข้อความไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยของศาลจะผูกพันประชาชนทุกคน แต่ถ้าตัดสินสิ่งที่เราทำเป็นการล้มล้างก็จะเป็นอย่างนั้นเช่นกัน ปากกาอยู่ที่ท่าน ท่านจะเขียนอนาคตบ้านเมืองไปทางไหน ปากกาอยู่ที่ท่าน แต่เรายืนยัน 10 ข้อเกี่ยวกับสถาบัน อยากเห็นสถาบันอยู่คู่สังคมไทยแท้จริง ไม่มีใครเหนือกว่าใคร อย่าไปรับใช้อำนาจเผด็จการที่อยู่ได้ไม่นาน
"ที่บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ เพราะอำนาจตุลาการทำให้บ้านเมืองตกต่ำ ผมพูดในศาล ข้อเสนอ 10 ข้อ แล้ว ข้อ 11 ถ้ารัฐประหาร ศาลต้องไม่รับรองอำนาจการรัฐประหาร แต่ต้องรับรองว่าการรัฐประหารเป็นกบฏ"
อานนท์ ยังระบุว่า ในช่วงเช้าวันที่ 20 ก.ย. จะมีกิจกรรมปักหมุดคณะราษฎร หมุดที่สอง เป็นหมุดทองเหลืองขนาด 11 นิ้วปักลงย่ำรุ่งวันที่ 20 ก.ย. พร้อมก่อกำเนิดคณะราษฎร 2563 ที่สนามราษฎร (สนามหลวง) ส่วนประกาศคณะราษฎรจะถูกอ่านขึ้นด้วย
ทั้งนี้อานนท์ได้แต่งบทกวีที่สะท้อนการเมืองไทย หลังจากมีการตัดสินยุบพรรคการเมือง ซึ่งเป็นบทกวีที่อานนท์ แต่งไว้เมื่อ 9 พ.ย. 2553 โดยมีเนื้อหาดังนี้
บทกวีถึงตุลาการ
คือตราชู ผู้ชี้ เสรีสิทธิ
คือศาลสถิต ยุติธรรม นำสมัย
คือหลัก ประกัน ประชาธิปไตย
มิใช่ อภิชน คนชั้นฟ้า
ครุยที่สวม นั้นมา จากภาษี
รถที่ขี่ เงินใคร ให้หรูหรา
ข้าวที่กิน ดินที่ย่ำ บ้านงามตา
ล้วนแต่เงิน ของมหา ประชาชน
มิได้ อวตาร มาโปรดสัตว์
แต่เป็น "ลูกจ้างรัฐ" ตั้งแต่ต้น
ให้อำนาจ แล้วอย่าหลง ทนงตน
ว่าเป็นคน เหนือคน ชี้เป็น-ตาย
เสาหลัก ต้องเป็นหลัก อันศักดิ์สิทธิ์
ใช่ต้องลม เพียงนิด ก็ล้มหงาย
ยิ่งเสาสูง ใจต้องสูง เด่นท้าท้าย
ใช่ใจง่าย เห็นเงิน แล้วเออออ !
ต้องเปิด โลกทัศน์ อย่างชัดเจน
ใช่ซ่อนเร้น อ่านตำรา แต่ในหอ
ออกบัลลังค์ นั่งเพลิน คำเยินยอ
เลือกเหล่ากอ มากอง ห้องทำงาน
ตุลาการ คือหนึ่ง อธิปไตย
อันเป็นของ คนไทย ไพร่-ชาวบ้าน
มิใช่ของ ใครผู้หนึ่ง ซึ่งดักดาน
แต่เป็น "ตุลาการ" ประชาชน
ฉะนั้นพึง สำนึก มโนทัศน์
ใช่ด้านดัด มืดดับ ด้วยสับสน
เปื้อนราคิน กินสินบาท คาดสินบน
แล้วแบ่งคน แบ่งชั้น บัญชาชี้
เถิด"ตุลาการ" จงคิด อย่างอิสระ
รับภาระ อันหนักหนา ทำหน้าที่
หากรับใช้ ใบสั่ง ดั่งกาลี
ตุลาการ เช่นนี้ อย่ามีเลย
'ไมค์' วอนหากติดคุกต้องไม่ทอดทิ้งแกนนำ
เวลา 01.10 น. ภาณุพงศ์ จาดนอก ประธานกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิไตย กล่าวปราศรัยว่าวันนี้ตนอาจโดนไปสองข้าหา บุกรุกพื้นราขการกับทำลายทรัพย์สินย์ วันนี้ตนพร้อมติดคุกแล้ว ถ้าทวงคืนอิสรภาพและประชาธิปไตยได้ ดังนั้นการที่ออกมาวันนี้ขอให้พี่น้อง นปช.ฟังไว้ว่าวันนี้นักศึกษาและเยาวชนจะสานฝันให้สำเร็จ อยากฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าสิ่งที่ต้องททำคือต้องมารับใช้ประชาชน ส่วน วันที่ 20 ก.ย. หมุดคณะราษฎรที่ 2 จะถูกปักหมุดขึ้น เราจะประกาศว่า สนามหลวงคือพื้นที่ประชาชน ผู้คนไม่ยอมรับอีกแล้วกับเผด็จการ จึงอยากขอบคุณผู้คนที่มาจากทุกภูมิภาคที่มาชุมนุมในวันนี้ ถ้าตนติดคุกตนหวังว่าพี่น้องทั้งหมดจะไม่ทอดทิ้งแกนนำ
'เพนกวิน' บี้ 'ประยุทธ์' ลาออกแทนยุบสภา ดันยุทธศาสตร์ต้านเผด็จการ
เวลา 02.00 น. พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุนนุม ปราศรัยโดยประกาศตอนหนึ่งด้วยการอัญเชิญดวงวิญญาณ ปรีดี พนมยงค์ ผู้นำคณะราษฎรสายพลเรือน และอดีตนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีและสมาชิกคณะราษฎร รวมถึงวีรชนคนเดือนตุลลา วีรชนปี 2553
เพนกวิน ยังประกาศจัดตั้งสภาประชาชนต่อต้านเผด็จการเพื่อประชาธิปไตย โดยขอเปิดประชุมสภาในที่นี้ ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของประชาชนที่เสนอให้รัฐบาลยุบสภา จะขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกทันที แทนการยุบสภา แนวทางที่สองต้องร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ด้วยการจัดการกับรัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช. โดยแนวทางแรกต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ทีละมาตราที่มีปัญหา กับแนวทางที่สอง ถ้าเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาจากการยึดอำนาจ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้ขี้ข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ ก็สมควรฉีกทิ้งแล้วร่างด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง 100 %
"พรรคประชาธิปัตย์จะจับมือพรรคภูมิใจไทยเพื่อใหพรรคพลังประชารัฐ แก้ไขเพียงบางมาตรา ใครจะยอม ดังนั้น ต้องร่างใหม่หมดทุกมาตรา โดยเฉพาะหมวด 2 พระมหากษัตริย์ต้องแก้ใหม่ ร่างใหม่เดี๋ยวนี้"
เพนกวิน ระบุว่า ต้องมีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งแกนนำได้พูดกันไปทั้งหมดแล้ว โดยเสนอยุทธศาสตร์ต่อต้านเผด็จการ อาทิ ได้ยินเพลงชาติที่ใดไม่ว่าที่ตลาดที่ทำงาน โรงเรียน ให้ชูสามนิ้วพร้อมกัน เป็นการเคารพธงชาติ ผูกโบว์ขาวที่บ้าน กระจกรถ แสดงเจตจำนงไม่ต้อนรับเผด็จการ หยุดงานทั่วประเทศ วันที่ 14 ต.ค.