เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2564 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำ ส.ส. พรรคก้าวไกลลงพื้นที่ภาคอีสาน เตรียม ประชุมสามัญประจำปีและเวทีปราศรัยใหญ่ “ก้าวไกลไปนำแหน่” ในวันเสาร์ที่16​ ต.ค. 2564 ซึ่งเป็นกิจกรรมสื่อสารทางการเมืองครั้งสำคัญของพรรคก้าวไกล เพราะถือเป็นเวทีกิจกรรมครั้งแรกของพรรค นับตั้งแต่มีการยุบพรรคอนาคตใหม่

ทั้งนี้ การพบปะพี่น้องประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการโคกหนองนาครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนแลกเปลี่ยนพูดคุยกันถึงความล้มเหลวและความสำเร็จของโครงการ โดยหลายคนแสดงความกังวลว่าแม้โครงการโคกหนองนาที่นี่จะไม่ล้มเหลวเหมือนในพื้นที่อื่นๆ แต่ลำพังโครงการโคกหนองนาอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงชีพ ชาวบ้านก็ยังต้องการงานที่ดี ที่มีรายได้มั่นคง จึงมีการตั้งคำถามว่าพรรคก้าวไกล​ มีแนวทางการดำเนินนโยบายเช่นไรที่จะสามารถส่งเสริมประชากรให้แต่ละจังหวัดมีงานที่ดี มีงานที่หลากหลาย มีรายได้ที่มั่นคง​ เพื่อนักศึกษาที่จบใหม่จะได้สามารถมีงานทำในท้องถิ่นของตนและสามารถพัฒนาศักยภาพท้องถิ่นของตนได้ไปพร้อมๆกัน​ 

โดยพิธา​ กล่าวว่า​ เมื่อพูดถึงงานในภาคอีสาน งานหลักที่สุดคงหนีไม่พ้นการทำเกษตร​ซึ่ง​ หากเรามีรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาภาคการเกษตรจะสามารถยกระดับของอุตสาหกรรมการเกษตรได้มากขึ้น​ ในสายพานการผลิตสินค้าเกษตร​หนึ่งชนิดสามารถแตกยอดได้เป็น 10 อุตสาหกรรมซึ่งแน่นอนว่าเราสามารถสร้างงาน​ได้จำนวนมาก เยาวชนที่จบใหม่สามารถมีตัวเลือกในการทำงานมากกว่าการเป็นเกษตรกร​ รวมถึงหากเรามีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ที่จะจัดการปลดล็อกรัฐราชการรวมศูนย์และเสือนอนกินในภาคธุรกิจต่างๆ เราก็จะสามารถปลดล็อกโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับประชาชนทั้งที่อยู่ในภาคอีสานและภาคอื่นๆ ในประเทศอีกมาก

โดยพิธา กล่าวปิดท้ายว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยต้องชนะใจคนอีสาน หากไม่สามารถชนะใจคนอีสานก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ และที่สำคัญหากเรายังไม่สามารถเปลี่ยนภาคอีสานได้ เราก็เปลี่ยนประเทศไทยไม่ได้เช่นเดียวกัน​ 

สำหรับการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในพรุ่งนี้ (ศุกร์ที่ 15 ตุลาคม)​ เวลา 9.30 น. พิธาพร้อมส.ส.พรรคก้าวไกลจะไปสักการะศาลหลักเมืองจังหวัดขอนแก่น