ไม่พบผลการค้นหา
อินเดียคลายคำสั่งห้ามส่งออกยาต้านมาลาเรียไฮดรอกซีคลอโรควินซึ่งถูกมองว่าอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะตอบโต้กลับหากอินเดียไม่ถอนคำสั่งห้ามดังกล่าว

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมารัฐบาลอินเดียอ้างเหตุผลความจำเป็นภายในประเทศ ประกาศห้ามการส่งออกยาไฮดรอกซีคลอโรควิน ซึ่งให้ผลเบื้องต้นที่น่าพอใจในการรักษาโควิด-19 จากการทดลองขนาดเล็กในฝรั่งเศสและจีน โดยอินเดียถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกยาไฮดรอกซีคลอโรควินรายใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าเขาได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียเมื่อสุดสัปดาห์ให้เร่งการส่งออก และส่งสัญญาณว่าอาจจะมีมาตรการตอบโต้หากอินเดียไม่ถอนคำสั่งห้ามส่งออกยาดังกล่าว 

ล่าสุด รัฐบาลอินเดียได้กลับลำโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า ตอนนี้จะอนุญาตส่งออกยาต้านมาลาเรียชนิดดังกล่าวและยาพาราเซตามอลที่ถูกจำกัดการส่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยจะอนุญาตให้ส่งออกในปริมาณที่เหมาะสมไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดที่พึ่งพายาดังกล่าวของอินเดีย และยังจะจัดส่งยาจำเป็นเหล่านี้ให้กับบางประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ด้วย ขณะที่สำนักข่าวเดอะ ไทม์ส ออฟ อินเดีย รายงานว่ารัฐบาลอินเดียยังถูกกดดันจากนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ ที่รวมถึงสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนีและบราซิลต่อการส่งออกยาดังกล่าวด้วย 

การใช้ยาไฮดรอกซีคลอโรควินเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ที่ได้กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดอย่างรวดเร็ว ประธานาธิบดีทรัมป์ชื่นชมว่านี่เป็นยาที่รักษาโควิด-19 ได้ แม้ว่านักวิทยาศาสตร์หลายคนชี้ว่า ควรระมัดระวังจนกว่าจะมีการทดลองขนาดใหญ่ขึ้นที่แสดงให้เห็นว่ายามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพหรือไม่ โดยยาไฮดรอกซีคลอโรควินและยาคลอโรควินถูกใช้เป็นยาต้านมาลาเรียมาหลายทศวรรษ แต่ยาทั้งสองตัวก็อาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับยาในปริมาณมากหรือให้ยาร่วมกับยาอื่นๆ ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicine Agency หรือ EMA) ได้เตือนว่าไม่ควรใช้ยาทั้งสองชนิดรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ยกเว้นจะการทดลองทางคลินิก หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินระดับชาติ 

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ อยู่ที่กว่า 368,000 ราย ถือเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 10,993 ราย ส่วนอินเดียพบผู้ติดเชื้อแล้ว 4,553 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 118 ราย  


อ้างอิง CNA / Reuters