วันที่ 1 ม.ค. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2567 ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ทันทีที่ นายกฯ และภริยา เดินทางถึงวัดราชบพิธฯ ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จากนั้นทักทายสื่อมวลชนและประชาชนที่มาทำบุญวันปีใหม่ ว่า “สวัสดีปีใหม่” พร้อมร่วมถ่ายรูปกับประชาชน ก่อนเดินไปเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระสังฆราชฯ ภายในพระอุโบสถ
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังเข้าเฝ้า สมเด็จพระสังฆราชฯ ว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานพรให้มีความสุข โดยท่านสอบถามเรื่องบ้านเมืองที่เป็นห่วงว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
ส่วนความคาดหวังในปีงูใหญ่ หรือที่หลายคนมองว่าเป็นปีมังกรทอง นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูที่ประชาชนเป็นหลัก โดยจะต้องดูแลทั้ง 3 สถาบันทั้ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะต้องดูให้ทุกมิติ ไม่ใช่แต่เรื่องเศรษฐกิจหรือปากท้องเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูในเรื่องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานอย่างอากาศบริสุทธิ์ การประกอบอาชีพ เพศสภาพ เป็นต้น พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่ตั้งใจไว้ก็ยังเหมือนเดิมคือการแก้ไขปัญหาประชาชน ซึ่งจะต้องทำในทุกมิติ เพราะปัญหาของประชาชนมีความลึกในหลายมิติฉะนั้นต้องทำทุกอย่าง อะไรทำได้ก็ทำก่อนอย่างเช่น เรื่องการปรับโครงสร้าง การแก้ไขและพัฒนาในหลายเรื่องซึ่งถือว่าเป็นภารกิจที่เยอะและใหญ่
เมื่อถามว่า ปี 2567 จะต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอใช้คำว่าทำงานหนักเหมือนเดิมดีกว่า เพราะเท่าที่ทำมา ทุกคนก็ทำงานเต็มที่อยู่แล้ว รัฐมนตรีทุกคนที่มาจากทุกพรรคก็ทำงานอย่างเต็มที่