การเมือง
ตุลาฯ ปลดแอก 7 วัน 'ทุกคนเป็นแกนนำ' ทะลุ 100 จุด ทั่วไทย-งัดกฎเหล็กปิดสื่อ-จับเด็กอายุ16 ปี
13 ต.ค. 2563
เวลา 14.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งแมคโดนัลด์ เจ้าหน้าที่บุกจับ จตุภัทร์ บุญภัทรักษา หรือ ไผ่ ดาวดินและพวก รวม 21 คน ขณะกำลังเตรียมสถานที่ชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ต.ค. โดยทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้ที่ ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี
14 ต.ค. 2563
เวลา 08.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน อานนท์ นำภา แกนนำคณะราษฎร 2563 นัดหมายมวลชนชุมนุมด่วนแสดงพลัง
เวลา 13.30 น. มวลชนรื้อรั้วกั้น ยกต้นไม้ออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเคลื่อนกลุ่มมวลชนมุ่งหน้าถนนนครสวรรค์ ท่ามกลางการวากำลังอย่างแน่นหนารั้ว กระทั่งเข้าล้อมทำเนียบรัฐบาลอย่างเบ็ดเสร็จ พร้อมปักหลักปราศรัยโจมตีรัฐบาล เตรียมค้างคืนยืดเยื้อ
15 ต.ค. 2563
เวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวแกนนำ อานนท์ และเพนกวินพร้อมคุมตัวไปสอบสวนอีก 20 คน ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนาม ในประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 04.00 น. ใจความสำคัญมุ่ง ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ห้ามสื่อรายานสถานการณ์ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมภายหลังแกนนำหลายรายโดนจับ มีการชูแนวทางการต่อสู้แบบไร้แก้นำ ภายใต้วาทกรรมคณะราษฎร-ราษฎร ใจกลางนัดหมายอยู่ที่เพจเฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอก นัดหมายชุมนุมใหญ่แยกราชประสงค์ โดยใช้คำว่า ราษฎร์ประสค์
เวลา 16.00 น. ที่สี่แยกราชประสงค์ ผู้ชุมนุมทยอยมาชุมนุมจนสามารถปิดพื้นที่โดยรอบได้เบ็ดเสร็จ มีการประเมินว่าไม่ต่ำกว่า 50,000 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แกนนำยุติการชุมนุมราว 21.00 น. พร้อมนัดชุมนุมอีกครั้งวันที่ 16 ต.ค. 2563 ขณะเดียวกันยังมีการชุมนุมใหญ่ที่ปรากฏทางสื่อออนไลน์อีกไม่น้อยกว่า 10 จุด ในหลายจังหวัดเช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี รวมชุมนุมน้อยกว่า 11 ครั้ง กินพื้นที่ไม่น้อยกว่า 10 จังหวัด
16 ต.ค. 2563
ช่วงเช้า พล.อประยุทธ์นำ ครม.พรรคร่วมรัฐบาลแถลงข่าวเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 ว่า คนเราตายวันตายพรุ่งไม่รู้ พร้อมย้ำว่าตัวเองจะไม่ลาออกจากนายกรัฐมนตรีตามที่มีการเรียกร้อง พร้อมหัวเราะขบขันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
15.00 น. ที่สี่แยกราชประสงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากตรึงกำลังปิดโดยรอบบริเวณ พร้อมประกาศปิดการจราจร เพื่อบล็อกไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักชุมนุม
16.00 น. เพจเฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอก โพสต์แจ้งเปลี่ยนสถานที่ชุมนุม เป็นสี่แยกปทุมวัน ปฏิบัติการแกง เกิดขึ้นครั้งแรก มวลชนจำนวนมากทยอยเข้าร่วมการชุมนุมบริเวณนัดหมายทันที
19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มเข้ากระชับพื้นที่จากทาฝั่งถนนพระราม 1 พร้อมฉีดน้ำผสมสารเคมีใส่ผู้ชุมนุม ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
21.00 น. ที่แยกปทุมวัน การเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าทีตำรวจพร้อมรถฉีดน้ำแรงดันสูงกับผู้ชุมนุมที่เป็นส่วนมากเป็นเยาวชนยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการจับกุมผู้ชุมนุมจำนวนมาก ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่สังเกตการณ์และเข้าเจรจากับตำรวจให้ยุติการใช้รถน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีฉีดใส่ผู้ชุมนุม ซึ่มีทั้งเยาวชนและสตรีจำนวนมาก
17 ต.ค. 2563
15.00 น. เยาวชนปลดแอกโพสต์เฟซบุ๊กด้วยยุทธศาสตร์ดาวกระจาย นัดหมายผู้ชุมนุมเตรียมพร้อมทุกสถานีรถไฟฟ้า ก่อนระบุจุดนัดหมาย 3 จุด ใหญ่ คือ ห้าแยกลาดพร้าว สถานีอุดมสุข วงเวียนใหญ่ ทุกจุดมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณห้าแยกลาดพร้าวเกิดภาพประทับจับกลายเป็นไวรัลผู้ชุมนุมจัดแถวส่งหมวก-ร่มให้แนวรั้วป้องกันหากสลายการชุมนุม พร้อมใช้แอร์ดรอพส่งข้อความ ให้ยุติการชุมนุมเวลา 20.00 น. หรือให้ดูสัญญาณพลุหากเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม พร้อมกันนั้นยังเกิดการชุมนุมแบบแฟลชม็อบ อีกหลายจุดในพื้นที่ กทม. เช่น มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเกษตร สามย่านมิตรทาวน์
ขณะที่ในพื้นที่ต่างจังหวัดมีการรวมตัวชุมนุมกันจำนวนมากในมหาวิทยาลัย และพื้นที่สำคัญอีกไม่น้อยกว่า 15 จุด เช่น ทุ่งศรีเมือง อุดรธานี ศาลหลักเมือง อุบลราชธนี ขอนแก่นคอมเพล็กซ์ ม.ขอนแก่น
19.00 น. มีรายงานข่าว ภาณุพงศ์ จาดนอก แกนนำคณะราษฎร 2563 ถูกบุกจับอย่างอุกอาจด้วยการทุบกระจกรถจนเสียหายที่ย่านรามคำแหง
18 ต.ค. 2563
เวลา 16.00 น. เยาวชนปลดแอกโพสต์นัดหมายผู้ชุมนุม จุดหลัก คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสี่แยกอโศก พร้อมด้วยจุดย่อยกระจาย 3 ภูมิภาค คือ ภาคกลาง 8 จุด ภาค ภาคอีสาน 6 จุด ภาคตะวันออก 4 จุด และภาคใต้อีก 1 จุด ไม่นับรวมม็อบจุดย่อยในพื้นที่ต่าง ๆ อีกจำนวน รวมไม่น้อยกว่า 24 จุด ไม่น้อยกว่า 23 จังหวัด
เพจเฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอกเริ่มรณรงค์ให้ใช้แอปลิเคชัน Telegram ในการติดตามการกำหนดพื้นที่ชุมนุมลักษณะแฟชลม็อบทั้งบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และทุกภาคของประเทศไทย ภายใน 9 ชั่วโมงมีผู้ติดตาม 1.9 แสนราย
พรรคประชาธิปัตย์มีมติให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพในการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตการชุมนุมนอกสภา
19 ต.ค. 2563
พรรคร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ สองตัวแปรหลักยืนยันสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อไป
มีเอกสารหลุด คำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงที่ 4/2563 ให้ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายกาารที่มีลักษณะข้อ 2 ของข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ลงวันที่ 16 ต.ค. 2563 ลงนามโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยมุ่งตรวจสอบ วอยซ์ทีวี The standard The reporter และสำนกัข่าวประชาไท กำชับสื่อเข้มงวดในการรายงานเนื้อหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดันของประชาชน
15.00 น. เยาชนปลดแอกนัดหมายการชุมนุมผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย จัดกิจกรรรมแฟลชม็อบ ในกทม. 3 จุด คือ แยกเกษตรฯ หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และสถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีกระทรวงสาธารณสุข และจุดย่อย 4 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ อีก 7 จุด รวมไม่น้อยกว่า 10 จุด
18.00 น. เยาวชนปลดแอกประกาศเตือนรัฐบาลเร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ อย่างเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมงหากไม่ทำตามจะมีการจัดกิจกรรม บิ๊กเซอร์ไพรส์นวันถัดไป
19.00 น. มีการปล่อยแกนนำจำนวนหนึ่งประมาณ 19 ราย ยกเว้นแกนนำหลัก ไผ่ ดาวดิน กับไมค์ ระยอง ต่อมามีการอายัดตัวแกนนำ เช่น เพนกวิน และรุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล สองแกนนำคณะราษฎร 2563 ไปฝากขังต่อ
20 ต.ค. 2563
ครม.เห็นชอบให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่ออภิปรายเกี่ยวกับวิกฤตการเมือง มีกำหนดเปิดสภาในวันที่ 26-27 ต.ค. ท่ามกลางกระแสกดดันนอกรัฐสภาให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ธนวัฒน์ วงไชย ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งให้สั่งรัฐบาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ โดยยึดตามบรรทัดฐานที่ศาลเคยคุ้มครองกรณีการชุมนุม กปปส. เมื่อปี 2557
ขณะที่ ภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงดิจิตอลฯ ได้ส่งหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอ ภาพนิ่ง ที่เป็นการนำเสนอข่าวของสำนักข่าว 5 แห่ง ประกอบด้วย วอยซ์ทีวี , The Standard, The Reporters, ประชาไท และ เยาวชนปลดแอก free youth ในระหว่างการชุมนุมของคณะราษฏร ซึ่งได้ส่งให้ศาลเมื่อวันศุกร์ที่16 ต.ค. ที่ผ่านมา
โดยทางกระทรวงดิจิตอลฯ พิจารณาแล้วว่า ข้อมูลที่ส่งให้ศาลนั้นพบเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ และฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยในวันนี้ (10 ต.ค.) ศาลมีคำสั่งให้ปิดทุกแพลตฟอร์มในสื่อออนไลน์ของสำนักข่าว Voice TV ส่วนสำนักข่าวอื่นๆ อีก 4 สำนัก ได้ส่งหลักฐานไปพร้อมกัน แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งจากศาล
18.00 น. มีการจัดกิจกรรม การยืนชู 3 นิ้ว ตะโกนศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ และแยกย้ายกันกลับบ้านพักผ่อน เตรียมตัวชุมนุมในวันถัดไป ขณะที่พื้นที่อื่นมีการชุมนุมแบบ organic ในหลายพื้นที่ ไม่น้อยกว่า 10 จุด เช่น สี่แยกหน้าเดอะมอล์บางแค หน้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ท่ารถฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ถนนสุขุมวิทขาออก
เฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอก โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ!” BIG SURPRISE คือไม่มี SURPRISE วันนี้พักก่อน! ตลอดเกือบ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้ต่อสู้ร่วมกันอย่างหาญกล้า แต่รัฐบาลกลับไม่พึงสังวรไว้ว่า ความล่มสลายของศักดินากำลังมาเยือน เมื่อไม่รับข้อเรียกร้อง ก็เตรียมรอฟังการนัดหมายครั้งใหญ่ในวันที่ 21 ต.ค. พร้อมกัน! (อันนี้ไม่แกง!)
ตลอด 7 วัน "ตุลาฯ ปลดแอก" เกิดการชุมนุมในลักษณะแฟลชม็อบ ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ทุกคนเป็นแกนนำได้ ไม่น้อยกว่า 100 จุด ทั่วประเทศไทย
ส่วนการใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมที่มาชุมนุมด้วยมือเปล่านั้น เพจเฟซบุ๊กศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวอายุน้อยที่สุดคือ 16 ปี มีการจับกุมคุมขังในวันที่ 13 และ 15-17 ต.ค. ไม่น้อยกว่า 87 ราย ในพื้นที่ 5 จังหวัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
