ที่ศาลจังหวัดพระโขนงนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดี "ฉีกบัตรประชามติ" ที่อัยการฟ้อง 3 นักกิจกรรม คือ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ "โตโต้" เป็นจำเลยที่ 1 รวม 4 ข้อหา จากการฉีกบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 ขณะเข้าไปลงคะแนนเสียง พร้อมตะโกนว่า "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" รวมทั้งฟ้องนายจิรวัฒน์ เอกอัครนุวัฒน์ และนายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ เป็นจำเลยที่ 2 และ 3 ในข้อหาก่อความวุ่นวาย จากการถ่ายคลิปวีดิโอขณะที่นายปิยรัฐทำการฉีกบัตร เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2559
โดยมีประชาชนรวมถึง น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางสังคมและ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เดินทางมาให้กำลังใจและเข้าร่วมฟังคำพิพากษาฎีกาด้วย
ทั้งนี้ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ทั้ง 3 คนมีโทษจำคุก 4 เดือน ปรับคนละ 4,000 บาท แต่ให้รอลงอาญาคนละ 1 ปี หรือทั้ง 3 รายมีฐานความผิดและโทษเท่ากันเพราะมองว่าร่วมกันกระทำความผิด
นายปิยรัฐ กล่าวหลังฟังคำพิพากษาฎีกาว่า ยังเหลือคดีอีกอย่างน้อย 3 คดีที่อยู่ในชั้นศาล ทั้งคดี "วิ่งไล่ลุง" ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นัดสืบพยานปลายปีนี้ และคดี "คนอยากเลือกตั้ง" ศาลนัดอีกครั้งต้นปีหน้า รวมถึงช่วงบ่ายวันนี้ที่ 21 ก.ค. ตนต้องไปจ่ายค่าปรับตามกฎหมายจราจร จากการจัดกิจกรรมรำลึก 88 ปีประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2563 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย
นายปิยรัฐ กล่าวด้วยว่า ถือว่าตัวเองเป็น "ทรัพยากรกรของฝ่ายประชาธิปไตย" ที่ยืนยันจะเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไปรวมถึงหากมีโอกาสขับเคลื่อนประชาธิปไตยในบทบาทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือนักวิชาการยินดีที่จะเข้าร่วม
ด้านนายปิยบุตร ระบุว่า มาให้กำลังใจทั้ง 3 คนที่ถือเป็นนักกิจกรรมที่ต่อต้านการรัฐประหารและมีความกล้าหาญที่แสดงอารยะขัดขืน ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย โดยมองว่า ไม่ควรมีคดีเกี่ยวกับการทำประชามติหลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว แต่การยังคงมีคดีความนี้อยู่ ยิ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ตอกย้ำว่า "การประชามตินั้นแหละที่มีปัญหาจริงๆ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง