ไม่พบผลการค้นหา
'สุทิน' ยัน 'เพื่อไทย' ไม่มีดีลลับ ดัน 'อนุทิน' เป็นนายกฯ ย้ำเดินหน้าทำตามเจตจำนง 'ก้าวไกล' แกนนำตั้งรัฐบาล บีบ ส.ว. โหวตนายกฯ ปิดประตูนายกฯ คนนอก

วันที่ 15 พ.ค. สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี วันชัย สอนสิริ ส.ว. ระบุว่าพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งอันดับ1 อาจไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะขึ้นอยู่กับการรวบรวมเสียงเหมือนการเลือกตั้งปี 2562 โดยระบุว่า เป็นไปได้ตามหลักการรวบรวมเสียง แต่ถ้าตามหลักประชาธิปไตยยังไงก็ต้องเคารพเสียงประชาชน 

พรรคการเมืองที่ได้ลำดับ 1 ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรือส.ว. การโหวตเลือกนายกก็ต้องฟังเสียงประชาชน ซึ่งการที่ วันชัย ระบุว่าการได้เป็นพรรคอันดับ 1 อาจไม่ได้เป็นรัฐบาลเมื่อนำไปเทียบกับปี 2562 ถือเป็นมาตรฐานที่ใช้ไม่ได้ ซึ่งครั้งที่แล้วถือเป็นบทเรียนว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีแบบนั้นทำให้มีปัญหามาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นครั้งนี้เป็นโอกาสที่ทุกคนจะเดินตามวิถีประชาธิปไตยให้มากที่สุด เว้นแต่ว่าเดินเต็มที่แล้วไม่ได้ ค่อยมาว่ากัน แต่ยังไงก็ต้องเดินตามวิถีประชาธิปไตย ต้องเคารพประชาชน

เมื่อถามว่าบางพรรคการเมืองมองว่าพรรคเพื่อไทย มีโอกาสเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล สุทิน กล่าวว่า ทุกพรรคก็มีโอกาส แต่โอกาสแรกต้องเป็นพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 ทุกคนต้องสนับสนุนและให้กำลังใจ ให้เขาจัดตั้งได้ พร้อมย้ำว่าอย่างไรก็ตามอย่าหนีจากเสียงของประชาชน 

เมื่อถามว่ามีเงื่อนไขใดหรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยจะไม่สามารถไม่ร่วมกับพรรคก้าวไกลได้ สุทิน กล่าวว่า ไม่มี หากจะมีก็คือถ้ารวมกันไม่ได้จริงๆ ค่อยมาว่ากัน แต่วันนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรกับพรรคก้าวไกล และยินดีสนับสนุน พร้อมกับเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ รวมถึงตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นเพราะต้องให้พรรคก้าวไกลทำหน้าที่ในการประสาน แต่หากมีกรณีใดที่พรรคก้าวไกลช่วยก็ยินดี 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะไปพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยเพื่อดัน อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ สุทิน กล่าวว่าไม่มี และพรรคเพื่อไทยก็แถลงการณ์อย่างชัดเจนแล้ว และหากไปทำอย่างนั้น ประชาชนจะไม่ยอมรับ ซึ่งไม่มีประโยชน์เราก็อยากทำงานกับพรรคที่ประชาชนยอมรับ เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลก็จะอยู่ในช่วงเวลา 2 เดือน คิดว่าไม่นาน ภายในหนึ่งเดือนก็น่าจะเห็น


ยังยึดมั่นหลักการให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้ง รบ.

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงท่าทีของ ส.ว.หลายคนที่ออกมาเคลื่อนไหว มีแนวโน้มไม่สนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าจะด่วนสรุปว่าท่าทีของ ส.ว. ไม่ยอมรับในตัวของพิธา เลยทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะเป็นเพียงแค่ท่าทีของ ส.ว.บางคนเท่านั้น

ส่วนจะเป็นมติหรือเสียงส่วนใหญ่ของส.ว. เลยหรือไม่เรายังไม่ทราบ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องยืนยันคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและระบบรัฐสภา ที่จะต้องเชื่อมั่นในอำนาจของประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เหมือนกับที่พรรคก้าวไกลเขาประกาศว่าเมื่อประชาชนให้ฉันทามติ มาอย่างนี้มันก็ควรที่ทุกฝ่ายจะยอมรับ หากเราไม่เชื่อมั่นในอำนาจของประชาชนการทำงาน มันก็จะไม่สอดคล้องกับหลักการ หากไปบิดเบือนตรงนี้เพื่อที่จะได้มาซึ่งอำนาจมันก็ไม่เหมาะสม ดังนั้นเราก็ต้องทำให้สำเร็จทำอย่างไรให้ ส.ว.มาร่วมโหวตให้ได้ 

ทั้งนี้ตนอยากจะฝากไปยังสมาชิกวุฒิสภา แม้ว่าท่านจะมาจากการแต่งตั้งของ คสช. แต่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ชัดว่าท่านเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย ต้องตระหนักและสำนึกให้มาก ว่าความเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยหมายถึงอะไร ถ้าหากท่านคิดในมุมนี้ตนก็เชื่อว่าส.ว. หลายคนอยากจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ในระบบเสียงข้างมากนี้ การที่จะไปคัดทานเสียงข้างมากก็จะมีแต่ความวุ่นวาย ความไม่สงบเกิดขึ้น นั่นหมายถึงความเสียหายของประเทศชาติและประชาชน ก็อยากจะให้ทุกท่านมามีส่วนร่วมว่าเราจะทำให้ประเทศเดินหน้าได้อย่างไร ส่วนบางท่านที่บอกว่าจะไม่โหวตให้ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล

เมื่อถามว่า ยังมีความเห็นของหลายฝ่ายที่ยังคงมองว่าพรรคเพื่อไทย อาจจะไปจับมือกับอีกขั้วทางการเมืองมากกว่าร่วมรัฐบาลก้าวไกลทั้งๆที่ได้ออกแถลงการณ์มาเมื่อวานนี้แล้ว ชลน่าน ตอบว่า ก็เป็นเพียงความคิดของแต่ละคนเราไปห้ามไม่ได้ แต่ตนที่เป็นหัวหน้าพรรคก็ขอยืนยันอย่างชัดเจน ว่าไม่มีการไปพูดคุยใดๆกับอีกฝ่าย ยังคงยึดมั่นในหลักการที่เราได้แถลงข่าวไป ว่าเราจะสนับสนุนพรรคอันดับ 1 ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราเป็นผู้เข้าร่วมจะพยายามผลักดันตรงนี้ให้สัมฤทธิ์ 

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงความคืบหน้า ในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลว่า หลังจากที่เมื่อวานทั้ง 2 พรรคได้มีการแถลงข่าวไปแล้วพรรคก้าวไกลในฐานะแกนนำซึ่งเป็นพรรคอันดับ 1 ก็จะเป็นผู้เริ่มดำเนินการ โดยได้ประสานผ่านทางแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร ไปแล้ว ต่อมาก็ได้มีการตั้งคณะทำงานไปประสานงานกันระหว่างสองพรรค

ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้มอบหมายให้กับเลขาธิการพรรค ประเสริฐ จันทรวงทอง เป็นผู้ประสานงาน กับเลขาธิการพรรคก้าวไกล เพื่อกำหนดแนวทางการพูดคุยในระดับกรรมการ พูดง่ายๆ ก็คือการสู่ขออย่างเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้อยู่ในการประสานงานระหว่างเลขาธิการของแต่ละพรรค อย่าไปทึกทักว่าเราคุยกันแล้ว แต่เราให้สิทธิ์พรรคแกนนำเป็นผู้กำหนดวิธีการแนวทางต่างๆ ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงไม่ได้กำหนดวันแต่คาดว่าเลขาธิการทั้ง 2 พรรคคงกำลังคุยกันอยู่ในวันนี้ เมื่อได้กำหนดวันที่ชัดเจนก็จะเป็นชั้นตัวแทนคณะกรรมการบริหารที่เราได้ไว้แต่งตั้งไว้ ประมาณ 4-5 คนไปพูดคุยกับก้าวไกล