ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 1 (ป้อมปราบศัตรูพ่าย พระนคร สัมพันธวงศ์) อย่างเป็นทางการ ทำให้ในสมรภูมิ การเลือกตั้งกรุงเทพฯ เขต 1 มีว่าที่ผู้สมัครจากพรรคการเมืองหลักที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งครบทั้ง 3 พรรค ได้แก่ นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ จากพรรคก้าวไกล นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ จากพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ จากพรรคเพื่อไทย
ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ จากพรรคก้าวไกล กล่าวว่าไม่มีความกังวลที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวอดีต ส.ส. ลงแข่งในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ แล้วมองว่ายิ่งเป็นการเพิ่มความคึกคักให้กับการแข่งขันในศึกเลือกตั้ง 2566 ที่กำลังจะมาถึง
ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ก้าวไกล กทม. เขต 1 (พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์) เป็นอดีตนักเรียนจบกฎหมายภาคภาษาจีนจากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน อากงเป็นคนเยาวราช อยู่ตรอกโรงหมู เป็นลูกหลานคนจีน คนซัวเถา แซ่เตีย รุ่น 3 ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายไทย-จีน และเป็นคณะทำงานวิเทศสัมพันธ์ ไทย-จีน ของพรรคก้าวไกล มีความมั่นใจว่าภูมิหลังที่มีความเชี่ยวชาญในการติดต่อสัมพันธ์กับคนจีน จะช่วยผลักดันการพัฒนากับคนในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในและคนไทยทั้งประเทศได้
ปารเมศบอกกับผู้สื่อข่าวว่า แรงบันดาลใจในการทำงานการเมืองของตนคือเห็นวิวัฒนาการ ตั้งแต่จีนที่โดนดูถูกว่าสินค้าจีนแดง ไปจนถึงจีนที่ไปดวงจันทร์ได้ เป็นช่วงที่จีนกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากมีส่วนร่วมทางการเมือง เพราะตลอดเวลาที่อยู่จีน เห็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ตอนที่ไปเรียน หยุดพักร้อน 2-3 เดือน มีอะไรใหม่ๆ ตึกใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ในขณะที่กลับมามองประเทศไทย เรากลับไม่มีการพัฒนาเลยคนจีนบอกว่าไทยเคยเป็น “ซื่อเสี่ยวหลง” หรือ “มังกร 4 ตัว” แต่ตอนนี้เราเป็นแค่หางหมา ไม่ใช่หางมังกร
“ในยุค 90 คนจีนมาเมืองไทยแล้วตื่นเต้นจะเพราะรู้สึกว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีรถไฟฟ้า มีตึกสูง ผ่านไป 30 ปี ตั้งแต่เล็กจนโต ผมรู้สึกว่าประเทศไทยย่ำอยู่กับที่ ไม่ใช่แค่ย่ำอยู่กับที่แต่ยังถอยหลังไปอีก ขณะที่ประเทศอื่นเดินหน้าแบบก้าวกระโดด ผมได้เรียนรู้จากคนจีนเรื่องการแก้ปัญหาคอรัปชั่น นโยบายรัฐบาลจีนปัจจุบันเราเห็นข้าราชการระดับสูง นายพล อดีตรัฐมนตรีเข้าคุกไปหลักพันคนแล้ว ถ้าระดับเจ้าหน้าที่เข้าคุกไปหลักแสนคนแล้ว ประเทศจีนเคยขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นมาก ถ้ามีผู้บริหารประเทศที่เอาจริงเอาจัง กล้าตรวจสอบอย่างไม่กลัวเส้นสายก็สามารถขจัดอิทธิพลได้ แต่สำหรับประเทศไทย เราเห็นหลายกรณี เช่น คดีบอสกระทิงแดง ทำให้เห็นว่าประเทศไทยยังเต็มไปด้วยระบบอุปถัมภ์ เงินซื้ออำนาจ และทำให้คุณพ้นความผิดได้” ปารเมศกล่าว
ในส่วนของกระแสตอบรับของพรรคก้าวไกล ปารเมศกล่าวว่าสมัยอนาคตใหม่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เราโดนขับไล่ โดนด่า แต่สมัยนี้ผมลงพื้นที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก และยิ่งตนเป็นลูกหลานคนจีน เข้าหา นอบน้อมทำให้คนในพื้นที่ตอบรับดีมาก ประชาชนชอบ ส.ส.เจี๊ยบ ทิม พิธา พรรคก้าวไกลเป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จัก
“มีบางพื้นที่มีคนที่เห็นเห็นต่างทางการเยอะ เช่น ป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่มีรากฐานจากพรรคประชาธิปัตย์ทำงานมานาน แต่กลยุทธ์เราก็ยังเดินเข้าไปหา เข้าไปแนะนำตัวเพราะ ผมเชื่อว่าคะแนนเสียงของประชาชนทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน” ปารเมศกล่าว
สำหรับสิ่งที่ต้องการผลักดันถ้าได้เป็น ส.ส. ปารเมศการเข้ามาของคนจีน สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายให้กับประเทศไทย ตนจึงอยากส่งเสริมให้พื้นที่กรุงเทพ เขต 1 และประเทศไทยให้ความสนใจกับประเทศจีน เพราะคนจีนที 1,400 ล้านคน มีคนจีนอยู่ทุกที่และมีกำลังซื้อสูงมาก การที่เราเรียนรู้ภาษาจีน และทำการค้าขายกับคนจีนมากขึ้นจะเป็นโอกาสดีถ้าประเทศไทยสามารถจับกระแสนี้ได้
“แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคู่กันคือ เราต้องมีการตรวจสอบคนจีนที่เข้ามาทำผิดกฎหมายเข้มข้นขึ้น มิใช่ปล่อยให้คนจีนเข้ามาทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย และทำธุรกิจโดยใช้ช่องทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีการจ่ายภาษี ซึ่งจะกระทบกับผู้ประกอบการขนาดเล็กอย่างเช่น พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสำเพ็ง” ปารเมศกล่าวทิ้งท้าย