วันที่ 23 ม.ค. 2565 เวลา 10.00 น. คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53) นำโดย ธิดา ถาวรเศรษฐ, นพ.เหวง โตจิราการ, ญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ เมษา-พฤษภา 53 รวมทั้งทนายโชคชัย อ่างแก้ว, ทนายวิญญัติ ชาติมนตรี ได้เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเจรจาและยื่นหนังสือติดตามและเร่งรัดสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ดำเนินการอีก 62 ศพ
ทั้งนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าไปยื่นหนังสือว่า “วันนี้ที่เรามากันเราจะมาเจรจากับทางตำรวจถึงสิงที่ทางตำรวจไม่ได้ปฏิบัติภารกิจหน้าที่มาเกือบ 13 ปีแล้ว ก็คือการที่ยังไม่ได้ทำสำนวนชันสูตรพลิกศพเพื่อให้ศาลไต่สวนตามกฎหมาย จำนวนผู้ที่ยังไม่ได้ทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ 62 ราย ที่ชันสูตรไปแล้ว 33 ราย อันนี้เป็นหลักฐานที่เราพบ 95 ศพ แต่ว่าอีก 4 ศพหลักฐานไม่ชัดเจนเพราะเป็นการเสียชีวิตภายหลัง”
ธิดา กล่าวต่อว่า “ดังนั้นเรามายื่นหนังสือและเจรจาเพื่อให้ตำรวจทำหน้าที่ของตำรวจตามกฎหมาย ซึ่งมีการเสียชีวิตในต่างจังหวัด 3 ราย ที่เหลือเป็นการเสียชีวิตพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ในจำนวนนี้แม้แต่ทหารก็ยังไม่ได้ทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ ที่เราเรียกร้อง 95 ศพ รวมหมดทั้งทหารและพลเรือน”
ธิดา กล่าวสรุปว่า “95 ศพ ยังเหลืออีกตั้ง 62 ศพที่ยังไม่ได้ทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ และนี่ผิดกฎหมายนะคะ เรามาทั้งในส่วนของญาติ ในส่วนประชาชน ในส่วนของนักกฎหมายและทนายของคนเสื้อแดง ทั้งสองท่านซึ่งทำงานให้ผู้ที่เสียชีวิตและผู้ที่ยังมีชีวิตที่ถูกกระทำอย่างไม่น่าเป็นไปได้ วันนี้เราจึงมาทำหน้าที่”
“แต่ที่เรามาทำวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทวงความยุติธรรมขั้นต้น เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เราต้องการให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง และเราไม่ได้คิดแต่เฉพาะเรื่องของคนเสื้อแดง เพราะถ้าคนเสื้อแดง 62 ศพ ยังไม่ได้ทำสำนวนชันสูตรตั้ง 13 ปีมาแล้ว สถานการณ์ปัจจุบันมันจะเป็นเช่นไร ฉะนั้นคนเสื้อแดงและประชาชนผู้รักความเป็นธรรมก็ต้องสามัคคีกันทวงความยุติธรรม ตั้งแต่กระบวนการยุติธรรมขั้นต้นจนถึงขั้นปลาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน” ธิดา กล่าว
ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาของกระบวนการยุติธรรมได้ออกบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 25 ต.ค. 65 ดังนั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมต้องมีคำตอบ ดังนั้น คปช.53 มายื่นเรื่องในวันนี้ เรื่องนี้ไม่มีวันเงียบหายเข้ากลีบเมฆ ตำรวจจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้ ซึ่งเราจะติดตามเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภายในเวลาไม่เกิน 3 เดือนน่าจะมีคำตอบว่าจะทำอย่างไรต่อไป
นพ.เหวง กล่าวอีกว่า ขอพูดตรงไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจแห่งชาติ คุณทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้ คุณจะทำเป็นโยนให้ลูกน้องไม่ได้ เพราะคุณเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ คุณต้องมีคำตอบว่าคุณจะทำอย่างไรกับ 62 ศพ ที่ทางตำรวจยังเพิกเฉยอยู่ และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์ใน ศอฉ. รวมไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย เพราะท่านเป็นผู้อำนวยการของ ศอฉ. ขณะนั้น นอกจากนี้ต้องตอบให้ได้ว่าที่คุณกล่าวหาพวกเราว่ามีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ มาถึงวันนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำจริง ผมทวงถาม พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ ว่ากองกำลังติดอาวุธชายชุดดำที่คุณกล่าวหาผมอยู่ตรงไหน ถ้าไม่มีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ พวกคุณต้องรับผิดชอบต่อการตายที่เกิดขึ้น
นพ.เหวง กล่าวช่วงท้ายว่า นอกจาก สตช.แล้ว คปช.53 จะเดินหน้าไปหาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงยุติธรรม, สำนักงานอัยการสูงสุด หรือแม้แต่สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น
หลังจากการเจรจาและรับมอบหนังสือให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี พ.ต.ท.ธเทพ ไชยชาญบุตร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนรับหนังสือเรียบร้อยแล้ว ธิดา กล่าวว่า ตามพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้วันนี้ นั่นก็คือต่อไปนี้ประชาชนจะมาร้องเรียนต่อหน่วยงานความยุติธรรมหรือตำรวจ หน่วยงานนั้นๆ ต้องกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานให้ผู้ร้องทุกข์ทราบ แต่ในกรณีการตายของคนเสื้อแดง 62 ศพนั้นเป็นจำนวนมาก ทางคปช.53 ก็จะมาติดตามเรื่องต่อไป
ธิดา กล่าวต่อว่า จากนี้จะไปกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะนัดหมายกันอีกครั้ง รวมทั้งหน่วยงานดีเอสไอเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่รับเรื่องนี้ไว้แล้วยังอยู่ในความมืด สำหรับการไปที่กระทรวงยุติธรรมนั้น นอกจากจะไปเคลียร์เรื่องของคนเสื้อแดงแล้ว ยังมีอีกประเด็นคือคนที่ถูกยกฟ้องในทุกกรณี รัฐควรต้องเยียวยา ไม่ใช่บอกว่าหลักฐานไม่พอ ติดคุกไป 3-4 ปี ศาลยกฟ้องแต่ไม่มีการเยียวยาเลย
ในทัศนะของ ธิดา คิดว่าทั้งกระทรวงยุติธรรมและทางตำรวจก็จะเป็นส่วนของกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นจนปลาย การทวงความยุติธรรมของพวกเราไม่ใช่เน้นแต่เฉพาะคนเสื้อแดง แต่เราอยากให้โครงสร้างและระบบนี้เป็นที่พึ่งและเป็นทางออกให้ประชาชนได้ รวมทั้งปัจจุบันนี้ในการตั้งข้อหาไม่ให้ประกันตัว เรื่องนี้เราอาจจะต้องหารือกันอีกทีหนึ่งว่าเราจะมีส่วนร่วมทวงความยุติธรรมให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร สำหรับพรรคการเมืองนั้นต้องเข้าใจว่าตัวเองจะแข็งแรงได้ก็ต่อเมื่อประชาชนเข้มแข็งและประชาชนสามารถเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กได้ ถ้าประชาชนไม่เข้มแข็งพรรคการเมืองก็ไม่สามารถอยู่ยาวได้ หากพรรคการเมืองไม่ใส่ใจปัญหาความยุติธรรมของประชาชน ไม่ใส่ใจการต่อสู้ของประชาชน เท่ากับเขากำลังทำร้ายตัวเองและอย่าหวังว่าพรรคการเมืองจะแข็งแรงถ้าประชาชนไม่แข็งแรง
นพ.เหวง กล่าวเสริมว่า เราจะไปถามนโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อการที่มีการนำกำลังทหารมาสังหารประชาชนสองมือเปล่าในประเทศไทย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างน้อย 5 ครั้ง ถ้าไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก พรรคการเมืองจะมีนโยบายปฏิบัติอย่างไร และพรรคการเมืองจะมีแนวนโยบายต่อการทำรัฐประหารยึดอำนาจอย่างไร