ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่มีความผิดตามคำร้องของโจทก์ ว่า พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ร้อง รักษาผลประโยชน์ถึงที่สุดแล้ว พร้อมย้ำว่า ข้อเท็จจริงที่ได้เสนอไปก่อนหน้าชี้แล้วว่า กรณีการเป็นนายกรัฐมนตรีต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แม้พักบ้านตนเองต้องได้รับการดูแลอยู่แล้ว เนื่องจากผลการตัดสินมีผลผูกพันธ์กับทุกองค์กรของภาครัฐตามรัฐธรรมนูญ การจะดำเนินการต่อกับกรณีอื่น พรรคเพื่อไทยต้องกลับไปปรึกษาก่อน เรื่องจากคำตัดสินของศาลเป็นบรรทัดฐานแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงไม่สามารถฟ้องร้องต่อได้ เนื่องจากศาลไม่ได้ตัดสินให้ฝ่าทั้งรัฐธรรมนูญและจริยธรรม
"คนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าปกติ และสุดท้ายนี่เป็นข้อครหาทางสังคม" ประเสริฐกล่าว
ประเสิรฐ กล่าวว่า ในอนาคต ถ้าหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ได้ออกระเบียบเป็นการภายในว่า ข้าราชการสามารถพักได้หาก 'ทำคุณงามความดี' ให้กับหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งจะสะท้อนในภาระต้นทุนการสร้างที่พักรองรับบุคคลเหล่านั้น
ขณะกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก เคยพูดเรื่องการปฏิรูปสวัสดิการในกองทัพหลังเกิดเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ประเสริฐ ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะติดตามต่อเนื่องจากยังไม่เห็นผลงานเป็นรูปธรรม
ด้าน อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว ระบุว่า หลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะอดีตหัวหน้า คสช. ไม่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ ต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง กรณี พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ทำให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้
และครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอาศัยในบ้านพักของทางราชการและยังได้รับสิทธิประโยชน์บางอย่าง ทั้งๆ ที่เกษียณอายุราชการมานานแล้ว จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ความหมิ่นเหม่ต่อกฎหมายและจริยธรรมทางการเมืองอย่างกว้างขวาง พล.อ.ประยุทธ์ รู้อยู่แก่ใจว่าการอาศัยบ้านพักของหลวง โดยได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มาโดยตลอด ไม่เสียค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพักอาศัยให้ทางราชการ ทั้งที่ตัวเองไม่มีสิทธิใดๆ แล้ว เป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ก็ยังสามารถอยู่รอดในตำแหน่งต่อได้อีก
ซึ่งก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของประชาชน
วันนี้ แม้ผลคำวินิจฉัย อาจไม่สามารถทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากอำนาจและเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ในทางกฎหมาย แต่ในมิติของจริยธรรมและความชอบธรรมทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ ได้หมดสิ้นลงแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้รับการจับตาจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนซึ่งเป็นผู้เสียภาษี เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนภายใต้รัฐย่อมต้องการความเสมอภาคและเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย กฎหมายต้องเป็นหลักยึดและเครื่องคุ้มครองแก่ประชาชนโดยไม่มีการเลือกปฎิบัติ โดยเฉพาะกับการกระทำที่อาจเข้าข่ายรับประโยชน์ใดจากหน่วยงานราชการ อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือ ผลประโยชน์ทับซ้อน
ขณะที่ 6-7 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวหาผู้อื่นด้วยข้อหาทุจริตประพฤติมิชอบและผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ตลอดเวลา แต่กรณีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เองกลับไม่สามารถชี้แจงต่อสังคมให้เกิดความกระจ่างได้
แม้ คำตอบวันนี้จะจบไป พล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถพ้นบ่วงของกฎหมายมาได้หลายครั้ง แต่คำถาม ข้อสงสัยและความคลางแคลงใจต่อความโปร่งใสของ พล.อ.ประยุทธ์ ในหมู่ประชาชนจะเพิ่มและดังขึ้นเป็นเงาตามตัว
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าจะบริหารประเทศต่อไปอย่างไร ในภาวะที่แทบจะไม่เหลือความชอบธรรมใดๆ อีกแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยให้สถานการณ์วิกฤติขณะนี้ดีขึ้นในภาพรวม แต่อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาความไม่พอใจของพี่น้องประชาชน กระทั่งทำให้วิกฤติความขัดแย้งลุกลามไปจนไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลเสียหายต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ
พรรคเพื่อไทย เคารพในคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะผู้เปิดเผยข้อมูลหลักฐานและติดตามตรวจสอบ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยบ้านพักหลวง อย่างใกล้ชิดมาตลอด ในขณะที่ประชาชนคนไทยยังคงมีคำถามมากมายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยยืนยัน จะใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร ในการเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องอื่นๆนับจากนี้ อย่างเข้มข้น เพื่อให้การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้มีประสิทธิภาพที่สุดในฐานะตัวแทนประชาชน