ไม่พบผลการค้นหา
ครม. เดินหน้าโครงการ Southern Economic Corridor พัฒนาระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ เปิดทาง สศช. ชง 116 โครงการ ใช้งบประมาณปี 2562-2565 วงเงินรวมกว่า 1.07 แสนล้านบาท ปั้นเมืองการค้า-การท่องเที่ยว-อุตสาหกรรมชีวภาพเกษตรมูลค่าสูงฝั่งตะวันตก

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 22 ม.ค. มีมติเห็นชอบในหลักการ ให้ศึกษาความเหมาะสมในรายละเอียดของรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ จ.ชุมพร-ระนอง และพื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี-นครศรีธรรมราช หรือ เรียกว่า โครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ ภายใต้กรอบการพัฒนา 4 ด้าน ได้แก่ (1) การพัฒนาประตูการค้าฝั่งตะวันตก (2) การพัฒนาประตูสู่การท่องเที่ยวอ่าวไทยและอันดามัน (3) การพัฒนาอุตสาหกรรมฐานชีวภาพและการแปรรูปการเกษตรมูลค่าสูง และ (4) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมวัฒนธรรม และการพัฒนาเมืองน่าอยู่

"โครงการนี้อยู่ภายใต้กรอบการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน หรือ SEC (Southern Economic Corridor) ซึ่ง สภาพัฒน์เสนอ" นายณัฐพร กล่าว

สำหรับกรอบแนวคิดของโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์พัฒนาพื้นที่ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ และเป็นต้นแบบการพัฒนาศูนย์กลางความเจริญในแต่ละภูมิภาค โดยในการประชุม ครม. นอกสถานที่เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2561 ได้เห็นชอบกรอบแนวคิด และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา 

ล่าสุด สศช. ได้ขอปรับแก้โครงการ จากเดิมมี 116 โครงการ วงเงินงบประมาณปี 2562-2565 มูลค่ารวม 106,790.13 ล้านบาท เป็นโครงการที่ต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณ 111 โครงการ วงเงิน 102,418 ล้านบาท ส่วนอีก 5 โครงการได้รับการจัดสรรงบประมาณและมีแผนการใช้จ่ายจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่งบประมาณด้วย อีกทั้งในจำนวนนี้ ยังมีอีก 8 โครงการ วงเงิน 2,677.3173 ล้านบาท ที่พร้อมดำเนินการในปีงบประมาณ 2562 หรือ Quick – win 

ในจำนวน 8 โครงการเร่งด่วน หรือ Quick win แบ่งเป็น 5 โครงการ วงเงิน 448.6973 ล้านบาท จะขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งเป็นโครงการของกระทรวงมหาดไทย 2 โครงการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1 โครงการ กระทรวงสาธารณสุข 1 โครงการ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ 1 โครงการ