ไม่พบผลการค้นหา
'ดีแทค' จับมือ 'กทม.' เปิดห้องเรียนให้ความรู้ต้านภัยทางเพศออนไลน์ แก่นักเรียนสังกัด กทม. หลังสถิติล่วงละเมิดทางเพศออนไลน์ ชี้ ไทยรั้งอันดับ 2 ของโลก เว็บมืดเติบโตขึ้น 5 เท่า

วันที่ 9 ม.ค. ที่โรงเรียนคลองทวีวัฒนา ดีแทค ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และ กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต ตำรวจไซเบอร์ (TICAC-CCIB) ให้ความรู้นักเรียนอายุระหว่าง 11-13 ปี (ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6) สังกัด กทม. ภายใต้โครงการ ดีแทค Safe Internet โดยเริ่มดำเนินการไปแล้วใน 50 โรงเรียนต้นแบบ พร้อมตั้งเป้าหมายพัฒนาความรู้ครอบคลุมนักเรียนประถมปลายทั่วประเทศต่อไป


เด็กไทยตกอยู่ในความเสี่ยง

พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผู้กำกับ TICAC เปิดเผยว่า จากการรายงานของศูนย์เพื่อเด็กหายและถูกฉวยผลประโยชน์แห่งชาติ ของสหรัฐ (NCMEC) พบว่า ตั้งแต่ปี 2562 ประเทศไทยได้รับรายงานการตรวจพบสื่อลามกอนาจารเด็กเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยในปี 2562 พบ 117,213 รายงาน ในปี 2563 พบ 396,049 รายงาน ในปี 2564 พบ 586,582 รายงาน และในปี 2565 พบ 523,169

รายงาน ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน อาทิ ในปี 2565 สามารถจับกุมได้สูงถึง 445 คดี

ขณะเดียวกัน พบว่า เว็บมืดยังมีการเติบโตสูงถึง 5 เท่า จากสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า คนร้าย 1 คน สามารถสร้างความเสียหายต่อเหยื่อที่เป็นเด็กได้ถึง 1,000 คน เด็กถึง 20% มีโอกาสตกเป็นเหยื่อจากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศออนไลน์ และเมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว พบว่า 58% ของเด็กเลือกที่จะไม่บอกใคร

ทั้งนี้ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและไม่เท่าเทียมทางรายได้ ยังส่งผลให้เด็กและเยาวชนใช้เทคโนโลยีดิจิทัลผลิตและเผยแพร่ภาพหรือวิดีโอทางเพศด้วยตัวเอง เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินหรือสิ่งของต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายไทย ความผิดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเท่านั้น ตำรวจไม่สามารถแจ้งความผิดต่ออาชญากรได้ในขั้นตอนแสวงหา ไม่ว่าจะเป็นการสอดส่องพฤติกรรมตัวตนและความชอบของเหยื่อ (Cyber Stalking) การสร้างความเป็นมิตร เข้ามาตีสนิทให้เด็กตายใจเพื่อล่วงละเมิดทางเพศในภายหลัง (Child Grooming) รวมถึงบทสนทนาว่าด้วยเรื่องเพศ (Sexting)

ดังนั้น การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัลให้เด็กรับมือกับปัญหาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งอาชญากรไซเบอร์นั้นจะเก็บภาพเหยื่อไว้บนออนไลน์ (Digital footprint) ยากต่อการลบให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง


กทม. พร้อมบูรณาการหลักสูตรรู้เท่าทันภัยทางเพศ

ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ปัจจุบันมีโรงเรียนในสังกัด กทม. ทั้งสิ้น437 โรงเรียน ครอบคลุม 50 เขต นักเรียนทั้งสิ้น 261,160 คน ปัญหาภัยทางเพศจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ โดย กทม. จะพยายามปรับหลักสูตรรู้เท่าทันสื่อและการแสวงหาประโยชน์ทางพศออนไลน์ให้เด็กนักเรียนในสังกัดกทม.มากขึ้น อาจมีการบูรณาการเข้ากับหลักสูตรของเราในอนาคต ทั้งนี้ มองว่า การทดสอบและประเมินผลผู้เรียนทั้งก่อนและหลังการอบรมจึงสำคัญมากในการวัดความสำเร็จของหลักสูตร ถือเป็นภารกิจที่กทม.จะต้องร่วมรับผิดชอบในการทำให้เด็กรู้เท่าทันกับโลกที่เปลี่ยนไป

324853601_693111702553847_8083354921088468486_n.jpg


ดีแทค มุ่งมั่นสร้างความตระหนักรู้แก่เด็ก

ด้าน อรอุมา ฤกษ์พันาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน ดีแทค กล่าวว่า ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคม เราตระหนักถึงปัญหาการแสวงหาประโยชน์และการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ ดังนั้น โครงการดีแทค Safe Internet จึงมุ่งส่งเสริมศักยภาพในการเข้าถึงทรัพยากรการศึกษา การให้ความรู้แก่เด็กและครูเกี่ยวกับการความปลอดภัยและการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมีความรับผิดชอบ

324849557_873554540583158_3819261480948296281_n.jpg

โดยได้ร่วมมือกับสำนักการศึกษากรุงเทพมหาครตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2565 จัดทำหลักสูตรและกิจกรรมส่งเสริมการตระหนักรู้ในเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ที่มีมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยให้ความ ร่วมมือและริเริ่มในการหยุดยั้งภัยดังกล่าว รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ต่อสังคมและการมีส่วนร่วมของพลเมืองอินเทอร์เน็ตผ่านแคมเปญการสื่อสาร

ทั้งนี้จากการลงพื้นที่อบรมที่ผ่านมาพบว่า นักเรียนราว 3% เคยถูกร้องขอ ข่มขู่หรือกดดันให้ส่งรูปภาพหรือทำพฤติกรรมทางเพศทางออนไลน์ 13% เคยส่งรูปภาพ วิดีโอ หรือข้อมูลส่วนตัวให้คนแปลกหน้า และ 3% เคยได้รับภาพ ข้อความหรือวิดีโอที่มีเนื้อหาส่อไปทางเพศ โดยช่องทางที่มิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามา ประกอบไปด้วย โซเชียลมีเดีย เกมส์ออนไลน์ รวมถึงแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่ผู้ใหญ่ยังไม่คุ้นเคย