ไม่พบผลการค้นหา
ภาพยนตร์รักโรแมนติกของไทย 'คิดถึงวิทยา' ถูกนำไปสร้างใหม่ในเวอร์ชั่นอินเดีย พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น NOTEBOOK โดยเตรียมเข้าฉายในประเทศอินเดียปลายเดือนมีนาคมนี้

หลังจากภาพยนตร์รักโรแมนติก ‘คิดถึงวิทยา’ ของค่าย GDH ทำรายได้กว่า 100 ล้านบาทเมื่อออกฉายในไทยเมื่อปี 2557 นำแสดงโดย พลอย เฌอมาลย์ และ บี้ สุกฤษฎิ์ และยังเป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทยเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 87 ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศ ล่าสุด ค่ายหนังจากอินเดีย Salman Khan Films ได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปรีเมกสร้างใหม่ในชื่อ Notebook โดยได้ปล่อยตัวอย่างออกมาให้ชม และมีกำหนดเข้าฉายในอินเดียวันที่ 29 มี.ค.นี้

ซึ่งบรรดาแฟนหนังเรื่องนี้ เมื่อได้เห็นตัวอย่าง ต่างคิดถึง 'ครูแอน' และ 'ครูสอง' เพราะหลายๆ ฉากที่สร้างใหม่มีความคล้ายคลึงกันกับเวอร์ชั่นไทย เพียงแต่เปลี่ยนนักแสดงเป็นชาวอินเดีย

ต้น ธราธร.jpg

ด้านผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้น นิธิวัฒน์ ธราธร ได้โพสต์อินสตาแกรม หลังได้ชมตัวอย่างภาพยนตร์เวอร์ชั่นอินเดีย ว่า "หนังก็เหมือนลูกแหละครับ พ่อมันเป็นยังไงลูกมันก็เป็นอย่างงั้น ตั้งแต่เขียนบทแฟนฉันเคยคุยกับไอ้แก๊งห้าคนที่เหลือว่าถ้าบทเล่มนี้ถูกแต่ละคนเอาไปทำในเวอร์ชั่นของตัวเองคงได้หนังออกมา 6 แบบที่ไม่มีทางเหมือนกันเลย ทั้งๆ ที่เขียนบทด้วยกันมาเป็นปี แต่พอไปออกกองก็ยังมีเรื่องให้เถียงกันได้แทบจะทุกดีเทล เพราะการเปลี่ยนภาพในหัวให้ออกมาเป็นภาพจริงนั้นมันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยรสนิยมและความชอบส่วนตัวล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตัวแสดง ขนาดภาพ โลเคชั่น ถนนกว้างนี่มันต้องกว้างแค่ไหนเหรอ วิธีเล่าเรื่อง เช่น ไปโรงเรียนต้องขวาไปซ้าย หรือจะซ้ายไปขวากันแน่ โดยเฉพาะเรื่องการแสดงที่โคตรจะมีดีเทลส่วนตัวกันเสียเหลือเกิน

รอยยิ้มเนี่ยจะให้ยิ้มแบบไหน จะยิ้มแย้มหรือจะเอาแค่ยิ้มหวาน อันนี้จริงจังนะครับไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เถึยงกันแบบไม่มีใครยอมใคร เสียดายที่หนัง 6 เรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้น อยากรู้เหมือนว่าถ้าบางซีนยิ้มน้อยกว่านี้ตลกมากกว่านี้หนังจะออกมาเป็นยังไง ก็คงได้แต่จินตนาการไปเองว่าถ้าเป็นพี่ปิ๊งทำซีนนั้นคนเดียวคงออกมาฮาระเบิด แต่ถ้าพี่เอสพี่บอลทำก็คงทำออกมาละมุนละไมต่างกันไป แต่วันนี้จะได้มีโอกาสได้เห็นสิ่งทีเขียนถูกคนอื่นเอาไปตึความใหม่แล้ว มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกับการได้เห็นลูกฝาแฝดที่พลัดพรากไปเกิดและเติบโตอยู่เมืองนอกยิ้มโบกมือทักทายให้อยู่ไกลๆ เปิดดูวนไปมาหลายรอบมาก โคตรพีค คิดถึงครูสองครูแอน คิดถึงหมึกทองทูน่าเก๋าช่อน คิดถึงแพ คิดถึงทีมงานทุกคน #คิดถึงวิทยา#teachersdiary #bollywood #ใครอยู่อินเดียช่วยเชียร์ครูสอง รอดูครูสองเต้นอยู่นะครับ"

ดูโพสต์นี้บน Instagram

หนังก็เหมือนลูกแหละครับ พ่อมันเป็นยังไงลูกมันก็เป็นอย่างงั้น ตั้งแต่เขียนบทแฟนฉันเคยคุยกับไอ้แกงค์ห้าคนที่เหลือว่าถ้าบทเล่มนี้ถูกแต่ละคนเอาไปทำในเวอร์ชั่นของตัวเองคงได้หนังออกมา 6 แบบที่ไม่มีทางเหมือนกันเลย ทั้งๆที่เขียนบทด้วยกันมาเป็นปีแต่พอไปออกกองก็ยังมีเรื่องให้เถียงกันได้แทบจะทุกดีเทลเพราะการเปลี่ยนภาพในหัวให้ออกมาเป็นภาพจริงนั้นมันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยรสนิมและความชอบส่วนตัวล้วนๆไม่ว่าจะเป็นการเลือกตัวแสดง ขนาดภาพ โลเคชั่นถนนกว้างนี่มันต้องกว้างแค่ไหนเหรอ วิธีเล่าเรื่องเช่นไปโรงเรียนต้องขวาไปซ้ายหรือจะซ้ายไปขวากันแน่โดยเฉพาะเรื่องการแสดงที่โคตรจะมีดีเทลส่วนตัวกันเสียเหลือเกิน รอยยิ้มเนี่ยจะให้ยิ้มแบบไหนจะยิ้มแย้มหรือจะเอาแค่ยิ้มหวาน อันนี้จริงจังนะครับไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เถึยงกันแบบไม่มีใครยอมใคร เสียดายที่หนัง 6 เรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้น อยากรู้เหมือนว่าถ้าบางซีนยิ้มน้อยกว่านี้ตลกมากกว่านี้หนังจะออกมาเป็นยังไง ก็คงได้แต่จินตนาการไปเองว่าถ้าเป็นพี่ปิ๊งทำซีนนั้นคนเดียวคงออกมาฮาระเบิด แต่ถ้าพี่เอสพี่บอลทำก็คงทำออกมาละมุนละไมต่างกันไป แต่วันนี้จะได้มีโอกาสได้เห็นสิ่งทีเขียนถูกคนอื่นเอาไปตึความใหม่แล้ว มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกับการได้เห็นลูกฝาแฝดที่พลัดพรากไปเกิดและเติบโตอยู่เมืองนอกยิ้มโบกมือทักทายให้อยู่ไกลๆ เปิดดูวนไปมาหลายรอบมาก โคตรพีค คิดถึงครูสองครูแอน คิดถึงหมึกทองทูน่าเก๋าช่อน คิดถึงแพ คิดถึงทีมงานทุกคน #คิดถึงวิทยา #teachersdiary #bollywood #ใครอยู่อินเดียช่วยเชียร์ครูสอง รอดูครูสองเต้นอยู่นะครับ

โพสต์ที่แชร์โดย Nithiwat Tharatorn (@nithiwat) เมื่อ