สหราชอาณาจักรได้ออกมาโจมตีรัสเซียว่า “พยายามจับโลกเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่” ก่อนที่จะยืนยันว่า สหราชอาณาจักรจะไม่มีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรใดๆ แก่รัสเซีย เพื่อเป็นการลงโทษประเทศที่รุกรานยูเครนอย่างผิดกฎหมาย นอกจากนี้ เจ้าหน้าทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวโจมตี “ความป่าเถื่อน ความทารุณโหดร้าย และความไร้ระเบียบกฎหมาย” ของการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียเช่นกัน
ในทางกลับกัน วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวกับ มาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลีว่า รัสเซีย “พร้อมที่จะมีส่วนสนับสนุนสำคัญ ในการเอาชนะต่อวิกฤติด้านอาหาร ด้วยการส่งออกธัญพืชและปุ๋ย โดยมีเงื่อนไขว่า ข้อจำกัดจากการคว่ำบาตรที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งกำหนดโดยตะวันตกต้องถูกยกเลิก” คำพูดของปูตินเกิดขึ้น ในขณะที่กองทัพรัสเซียกำลังบุกตีพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนอย่างหนัก ทั้งนี้ รัสเซียสามารถยึดมารีอูปอล เมืองท่าสำคัญที่ใช้เป็นการส่งออกสินค้าต่างๆ ของของยูเครนได้โดยสมบูรณ์แล้ว
ยูเครนเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวสาลี ข้าวโพด และน้ำมันดอกทานตะวันรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่สงครามและการปิดกั้นท่าเรือโดยรัสเซีย ได้หยุดยั้งการไหลเวียนของสินค้าดังกล่าวออกจากยูเครน ส่งผลให้เสบียงอาหารของโลกตกอยู่ในภาวะวิกฤต โดยในขณะนี้ ท่าเรือจำนวนมากของยูเครนถูกรัสเซียทิ้งระเบิดใส่อย่างหนัก ขัดกันกับข้อกล่าวหาของรัสเซียต่อโลกตะวันตกว่า วิกฤตอาหารและปุ๋ยเกิดขึ้นจากการคว่ำบาตรของโลกตะวันตกต่อตน
ทั้งนี้ รัสเซียเองก็เป็นผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลกเช่นกัน โดย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ออกมาระบุว่า ชาติตะวันตก “ต้องยกเลิกมาตรการอันผิดกฎหมาย ที่จะขัดขวางการเดินเรือและการส่งออกธัญพืช”
อย่างไรก็ดี พันธมิตรตะวันตกได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวของรัสเซีย โดย แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาโต้แย้งว่า อาหาร ปุ๋ย และเมล็ดพืช ได้รับการยกเว้นจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ อีกมากมาย และสหรัฐฯ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อการไหลเวียนของสินค้าทางอาหารเข้าไปยังประเทศต่างๆ จะไม่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตร
ในขณะที่สงครามยูเครนเข้าสู่เดือนที่สี่แล้วนั้น นโกซี โอกองโจ อีวีเอลา อธิบดีองค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวว่า มีธัญพืชของยูเครนประมาณ 25 ล้านตันที่อยู่ในโรงเก็บ และอีก 25 ล้านตันที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในเดือนหน้า ทั้งนี้ ประเทศยุโรปต่างๆ อาศัยการนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากทางยูเครนผ่านทางรถไฟแทน แต่รถไฟสามารถบรรทุกเมล็ดพันธุ์ได้เพียงเล็กน้อย และเรือยังคงเป็นยานพาหนะที่สามาถนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากยูเครนที่มีประสิทธิภาพที่สุด แต่กลับต้องเจอการปิดกั้นทางเดินเรือโดยรัสเซีย จนส่งผลให้โลกพบกับวิกฤตอาหาร
ที่มา: